วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน




หลักการพื้นฐานของเทคโนโลยี
บ้านประหยัดพลังงาน เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเป็นการใช้ประโยชน์จากพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด และเป็นพลังงานที่ไม่สามารถทดแทนกันได้อยางคุ้มค่า โดยที่ยังตอบสนองความต้องการ และค่านิยมของยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์ โดยมุ่งเน้นการศึกษาวิเคราะห์แนวความคิดในการประยุกต์ใช้สภาพแวดล้อม ของภูมิอากาศแบบร้อนขึ้นมาช่วยผสมผสานกับเทคโนโลยียุคใหม่ และองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมาสร้างเป็นสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมกับเขตร้อนชื้นของประเทศไทยเรา ด้วยกรรมวิธีที่ทำให้สามารถประยัดพลังงานได้มากกว่าบ้านทั่วไปหลายเท่า โดยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและราคาไม่แพงไปกว่าบ้านที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน

แนวความคิดในการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน
1.การเลือกใช้ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับที่ตั้งอาคาร คือการใช้ตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่ตั้งอาคารเพื่อทำให้สภาพแวดล้อมของบ้านเย็นลงกว่าเดิม
2.การเลือกที่ตั้งและทิศทางของอาคาร คือการสร้างสรรค์สภาพแดวล้อมให้เย็นเพื่อลดความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิภายในและภายนอก ซึ่งก็คือให้ตัวบ้านสามารถสกัดกั้นความร้อนจากภายนอกได้มากที่สุด ซึ่งรวมถึงการออกแบบช่องเปิดและการควบคุมการรั่วซึมของอากาศ
3.การพิจารณาออกแบบและเลือกระบบเปลือกอาคาร คือการเลือกระบบผนังที่สามารถป้องกันความร้อนและความชื้นได้ดี เพราะวัสดุแต่ละชนิดที่ใช้เมื่อนำมาวิเคราะห์แล้วจะพบว่ามีความแตกต่างกันมาก
4.การพิจารณาเลือกระบบที่มาใช้ภายในอาคาร คือการเลือกสรรวัสดุที่มีค่ากักเก็บความร้อนและความชื้นน้อย เช่น วัสดุผิวมัน วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ไป พร้อมกับการเลือกใช้เครื่องเรือนเท่าที่จำเป็นและเลือกใช้ชนิดที่มีน้ำหนักเบาและไม่ดูดความชื้นด้านอุปกรณ์ควรใช้ที่มีประสิทธภาพสูงและใช้พลังงานน้อย
5.อาคารที่พึงปรารถนา โดยตัวบ้านที่ออกแบบตามแนวคิดข้างต้นก็ยังไม่สามารถควบคุมสภาวะแวดล้อมภายในได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ แต่การออกแบบบ้านตามแนวคิดดังกล่าวก็จะใช้เครื่องปรับอากาศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ประโยชน์ของการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน
>> ลดภาระของระบบปรับอากาศภายในบ้าน
>> ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
>> สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมให้อยู่ในเขตสบายตามความต้องการ ก่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย


บทความจากตั้มค่ะ

ที่มา : http://www2.dede.go.th/bhrd/web_display/home/home_design.html

อนาคตของการออกแบบบ้านไม้ในปัจจุบัน

นับวันพื้นที่ในกรุงเทพมหานครของเราจะเต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า บ้านไม้เก่าๆที่เคยเห็นก็ค่อยๆเลือนหายไปเรื่อยๆ และเป็นเพราะอุตสาหกรรมเจริญเติบโตไปอย่างไม่หยุดยั้งการออกแบบบ้านไม้ ให้กับคนเมืองใหญ่ๆอยู่กันก็คงเป็นเรื่องยาก หากมีบ้านไม้ไปโผล่ใจกลางเมืองก็คงดูแปลกหูแปลกตาพิกล แต่เท่าที่เห็นมีการออกแบบ ผสมผสานบ้านไม้บางส่วนให้เข้ากับยุดสมัยอยู่บ้าง การออกแบบ บ้านไม้ ในสมัยก่อนนั้นจะเรียกได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นเลย ไม่เฉพาะแต่ในเมืองไทยของเรานะครับ แถบจะทั้งโลกเลยก็ว่าได้ ที่มีการออกแบบปลูกสร้างบ้านไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

ในบ้านเราเองยังสามารถแบ่งการ ออกแบบบ้านไม้ ได้เป็น 4 แบบ 4ภาค ซึ่งก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละภาคไป แต่ที่นิยมนำไปเป็นแบบปลูกสร้างกันก็คงจะเป็น แบบบ้านเรือนไทยในภาคกลางที่มีรูปทรงสวยงาม มีผู้นำไปปลูกกันแทบจะทุกภาคของไทย ส่วนแบบบ้านไม้อันอื่นก็เห็นปลูกกันแพร่หลายเฉพาะในภูมิภาคนั้นๆการออกแบบ ปลูกสร้างบ้านไม้นั้น มีข้อดีและข้อเสียมากมายพอๆกัน

ข้อดีคือบ้านไม้จะให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ดูเป็นธรรมชาติ และด้วยคุณสมบัติของไม้นั้นมีให้เลือกใช้อย่างมากมาย ทั้งไม้เนื้อแข็ง ไม้เนื้ออ่อน เราจึงสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ รูปทรงได้อย่างง่ายดาย และเนื้อไม้เองมีคุณสมบัติที่ไม่สะสมความร้อน แต่กลับสามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี และรวดเร็ว จึงทำให้บ้านที่ออกแบบ และปลูกสร้างด้วยไม้นั้นเย็นสบาย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่วัสดุเลียนแบบธรรมชาติไม่สามารถทำได้

ส่วนข้อเสียก็มีมายมายครับ การออกแบบ บ้านไม้ นั้นผู้อยู่อาศัยต้องดูแลเอาใจใส่อยู่พอสมควร ไม้บางชนิดอาจจะแข็งแรงมาก แต่บางชนิดก็อ่อนจนแมลงตัวน้อยอย่าง ปลวก มอด มาแทะกินจนสร้างความเสียหายให้บ้านท่านได้ไม้ในปัจจุบันบางชนิดก็ยังมีการยืดหดสูง บางครั้งต้องรอให้ไม้หดจนได้ที่จึงมานั่งทำสีกันใหม่ เนื่องจากไม้ในปัจจุบันมีอายุน้อยยังไม่แข็งแรงจริงๆเหมือนในอดีต เขาก็ตัดมาใช้งานกันแล้ว เพราะความต้องการมีมากนั้นเอง แต่ป่าของเรามีน้อยลงไปทุกวันครับ ก็เลยไม่พอดีกัน ทำให้บ้านไม้ในปัจจุบันมีราคาที่สูงเอามากๆ แต่ถ้าเป็นไม้ใหม่ก็ราคาลดหลั่นลงมาหน่อย แต่ปัญหาการยืดหดสูงมากครับ

ในปัจจุบันมีการออกแบบ บ้านไม้ ใช้กันตามบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ทต่างๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ส่วนตามต่างจังหวัดหรือชานเมืองก็ลดปริมาณลงเรื่อย รูปแบบก็เรียบง่าย ไม่ลงรายละเอียดมากเหมือนสมัยก่อน ส่วนใหญ่ก็หันไปใช้อิฐ ใช้ปูนกันมากขึ้นครับ คงเพราะใช้เวลา และ เงินทองในการก่อสร้างไม่มายเท่ากับบ้านไม้นั้นเอง ทำให้การออกแบบ บ้านไม้สวยๆในปัจจุบันหาดูได้ยากเต็มที คงมีแต่ผู้ที่มีเงินทองมากมายและชื่นชอบบ้านไม้จริงๆเท่านั้นที่จะออกแบบ ปลูกสร้างบ้านไม้กัน น่าเสียดายเหมือนกันนะครับที่ช่างที่มีฝีมือเก่งๆในการออกแบบ บ้านไม้นับวันก็จะค่อยๆเลือนหายตามไปด้วย
บทความจากคุณชายค่ะ

การออกแบบจัดสวน (Garden Design)

สวัสดีครับ... ท่านที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชม ทางเราได้นำเสนอผลงานการจัดสวน รวมทั้งความรู้ เทคนิคในการจัดสวน และยังเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับคนรักสวน.....โดยทางทีมงานจะนำเสนอความรู้และเทคนิคต่างๆ มาให้ได้ศึกษา และท่านที่ต้องการจัดสวน สามารถสอบถามราคา ในการจัดสวนได้ในหน้า ประเมินราคาจัดสวน ครับ

การออกแบบจัดสวน (Garden Design) เป็นการสร้างงานศิลปะ สำหรับผู้ที่เก็บออมซื้อบ้านสักหลัง ไม่ว่าจะเล็ก หรือใหญ่ จะเป็นทาวเฮาส์ หรือคอนโดมิเนียมกลางกรุง ก็เป็นบ้านสำหรับความภูมิใจของ แต่ละคนเป็นสวรรค์ สำหรับการพักผ่อน พื้นที่เล็กๆ สำหรับการจัดสวน จะด้านหน้าหรือด้านข้างของ ตัวบ้านเป็นส่วนที่สร้างความสัมพันธ์กับ จิตใจของผู้อยู่อาศัย จึงนับได้ว่ามีความสำคัญ เป็นสิ่งซึ่งไม่ควรมองข้าม...

เทศกาลน้ำแข็ง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่เมืองฮาร์บิน

เทศกาลน้ำแข็ง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่เมืองฮาร์บิน

ถนนสายหนึ่งใจกลางเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน.อุณห ภูมิในฮาบิ้นอยู่ที่-40องศาCเป็นประจำและจะเป็นเช่นนั้นมากกว่าครึ่งปีภาย ใต้จุดเยือกแข็ง เมืองนี้

เมืองนี้ตั้งอยู่ที่กม.ที่450ในแมนจูเลียประเทศจีน ตะวันตกเฉียงเหนือจากกรุงวลาดิวอสต้อกในไซบีเรีย ที่นีเป็นที่หนึ่งที่สามารถพูดได้ว่าเป็นที่ที่ดีที่ สุดที่ในการแสดงเทศกาลกลางแจ้ง
นิทรรศกาลที่ฮาบิ้นนี้เหมาะแก่การแกะสลักหิมะและน้ำแ ข็งซึ่งมีจัดขึ้นในแต่ละปีมันเป็นการประกวดสิ่งก่อสร ้างที่สวยที่สุด การจัดวางน้ำแข็งเป็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ประดับประดาไฟไว้อย่างสวยงาม มีไว้ให้ชมอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ














ศิลป ผู้ที่สนใจที่เฉพาะเจาะจงในเรื่องนี้
การพิสูจน์แล้วของสถาปัตยกรรม โลก ซึ่งในงานแกะสลักน้ำแข็ง จะทำการแกะน้ำแข็งขนาดใหญ่เป็นประติมากรรมน้ำแข็งขนา ดใหญ่ เช่น ปราสาท, หอคอย, พระราชวังโบราณ และอื่นๆ อีกมากมาย







สิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นจากการแกะสลักนำแข็งและหิมะ ได้มีขึ้นตั้งแต่สมัยแมนจู
เทศกาลนี้เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี1963
การจัดเป็นประจำปีได้เริ่มขึ้นเมื่อปี1985 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีการจัดใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีผู้เข้าชมเป็จำนวนล้านๆคนจากหลากหลายส่วนของโล ก
การแกะสลักได้พัฒนาให้สวยขึ้นเป็นศิลปขึ้นในแต่ละปี
นี่คือหมีซึ่งเป็นส่วนเล็กๆประมาณ50เมตรซึ่งก็เพียงพ อกับการแกะสลักกำแพง





แต่ละส่วนทำโดยเป็นอิสระแก่กันในแต่ละผู้เข้าร่วมการ แข่งขันแกะสลักน้ำแข็ง แต่ละทีมจะได้รับก้อนน้ำแข็งขนาด3X3 เมตร ซึ่งจัดทำให้เป็นก้อนตามนั้น
ที่ต่างๆเหล่านี้มาจากที่ต่างเช่น รัสเซีย ญี่ปุ่น แคนนาดา ฝรั่งเศสและไม่เว้นแม้กระทั่งอาฟริกาใต้





นี่คือสิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ แสงอาทิตย์ของพระอาทิตย์ตกจากด้านหลังของทางเข้าของร ูปสลัก พื้นที่ของงานเทศกาลสร้างขึ้นในพื้นที่เปิดทางด้านเห นือของแม่น้ำ "ซองหัว เจียง"ซึ่งมุ่งสู่เมืองฮาบิ้น





เป็นที่น่าประหลาดใจมากว่าสิ่งก่อสร้างที่เป็นของชาว อินเดียนโบราณของอเมริกาเหนือและตะวันออกของจีนเป็นฝ ีมือของทีมแกสลักชาวแคนนาดา





ในช่วงเย็นจะเป็นช่วงที่ยิ่งสวยงามมากซึ่งสามารถพูดได้ว่าเป็นเทศกาลของจริงได้เริ่มขึ้น












งานเทศกาลสามารถมองเห็นเป็น 2-3กิโล ระบบแสงไฟนีออนส่องสว่าง อย่างมีรูปแบบแสงสีและเสียงที่เยี่ยมยอด ที่นี่มีน้ำแข็งแกะสลักแบ่งได้เป็นสองประเภทคือ อย่างแรกเป็นอย่างมันย่องแวววาว คุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนน้ำแข็งไอซ์คูปผลิตจากโรงงานข้า งบ้าน ไอ้น้ำแข็งแวววาวแบบนี้ ดูตอนกลางคืนถึงจะสวย เพราะนอกจากข้างนอกจะส่องไฟแล้ว ข้างในยังเดินเส้นสายไฟให้เป็นสีๆได้อีก ไฮเทคมาก












การได้ชมเทศกาลการแกะสลักน้ำแข็งนี้สิ่งนึงที่เราต้อ งจำได้คือดิสนี่แลนด์
ในทุกๆที่มีอาหารและเครื่องดื่มที่ทันสมัยวางขาย แตกต่างกันเพียงแต่อยู่ภายใต้อุณหภูมิที่แตกต่างและท ุกทุกอย่างล้วนสร้างมาจากน้ำแข็งเท่านั้น
และที่เป็นไฮไลท์ของฮาร์บิ้นในหน้าหนาวคือ เทศกาลแกะสลักน้ำแข็งที่ใหญ่โต และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งในงานแกะสลักน้ำแข็ง จะทำการแกะน้ำแข็งขนาดใหญ่เป็นประติมากรรมน้ำแข็งขนา ดใหญ่ เช่น ปราสาท, หอคอย, พระราชวังโบราณ และอื่นๆ อีกมากมาย





นี่คือพระราชวังในสไตล์รัสเซีย





กำแพงนี้สามารถติดต่อหากันได้ซึ่งสามารถที่จะใช้วิธี สไลด์ไปด้วยความเร็วสูงต่ำได้











ลานน้ำแข็งกว้างขวางมีหลากหลายกิจกรรมให้เล่น เช่น สุนัขลากเลื่อน สกีลม ขี่ม้า รถหิมะ และสไลเดอร์ ยังมีการแสดงการว่ายน้ำแข็งของบรรดาเงือกหนุ่มใหญ่แล ะสาวใหญ่ที่กล้าท้าทาย กับความหนาวเย็นของน้ำแข็งที่มีความเย็นต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียล
การได้สนุกกับกระดานสไลเดอร์ที่สร้างจากน้ำแข็งซึ่งเ ป็นที่นิยมมากของชาว เมืองฮาร์บินในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ เพลิดเพลินและสนุกสนานกันเต็มที่ที่ลานสกีเล่นสกีหิม ะและฝึกหัดเล่นสกี และยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย











เรือ(a Dschunke)ถูกสร้างอย่างสมบูรณ์แบบจากน้ำแข็ง ทั้งยังประกอบด้วยผู้โดยสารมากมายบนเรือ





Credit : http://www.maritime.co.th/destination/cn_harbin_ice_festival.htm
กิจกรรมที่เป็นที่สนใจมากในเทศกาล คือการไต่บนกำแพงขนาดใหญ่




น้ำแข็งทั้งหมดมาจากจีน และแม่น้ำซงหัว เจียงเป็นสาขาของแม่น้ำRussian Amur


เทศกาลหิมะคือชื่อทางศิลปในขณะที่เทศกาลนำแข็งคือกระ จกเงาของนักสถาปัตยกรรมกิจกรรมที่เป็นที่สนใจมากในเทศกาล คือการไต่บนกำแพงขนาดใหญ่
น้ำแข็งทั้งหมดมาจากจีน และแม่น้ำซงหัว เจียงเป็นสาขาของแม่น้ำRussian Amur
เทศกาลหิมะคือชื่อทางศิลปในขณะที่เทศกาลนำแข็งคือกระ จกเงาของนักสถาปัตยกรรม



เทศกาลหิมะคือชื่อทางศิลปะ ในขณะที่เทศกาลน้ำแข็งคือกระจกเงาของนักสถาปัตยกรรม













ที่เห็นนี้คือวัดไทยในหนังของดีสนีย์"Wonders OF China"
































อยากไปเที่ยวบ้างจัง >.<
Credit : http://www.maritime.co.th/destination/cn_harbin_ice_festival.htm


เทคนิคการทำ "ไข่เจียวธรรมดา" ให้ฟูแล้วไม่แฟ่บ แถมกรอบนอกนุ่มในแบบไม่พึ่งตัวช่วยใดๆ

บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นคำถามเกี่ยวกับการทำไข่เจียวให้อร่อยในห้องก้นครัว เรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตเลยทีเดียว ผมเองก็เป็นคนชอบกินไข่เจียวมาก เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำให้อร่อยได้ง่าย ถ้ารู้จักเทคนิคเล็กๆน้อยครับ ซึ่งในกระทู้นี้เราจะว่ากันด้วยการทำ "ไข่เจียวธรรมดา" คือไม่ใส่เนื้อสัตว์หรือผักอะไรใดๆให้วุ่นวาย ให้เป็นไข่เจียวที่ "ทำง่ายมาก และ อร่อย"

ซึ่งเคยลองทำมาหมดแทบจะทุกวิธีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
- บีบมะนาว = ไข่ฟูตอนเจียว แล้วจะแฟ่บภายหลังจากตักขึ้นมา
- ใส่แป้ง , ผงฟู = ไข่ฟูแล้วไม่แฟ่บ ตั้งอยู่ได้จริง แต่เนื้อไข่เจียวจะด้านไปนิด
- น้ำมันมากๆ โรยไข่จากที่สูงแล้วคนๆตีๆในกระทะ = ไข่ฟูฟ่องเป็นสายๆ ค่อนข้างอมน้ำมันเวลากินจะไม่ค่อยได้เนื้อไข่เท่าไหร่ เพราะมันจะฟู
- แยกไข่แดง ไข่ขาวตีให้ตั้งยอด = ฟูจริง แต่เสียเวลาทำมาก มีข้อด้อยคือกำหนดรูปร่างไข่ได้ลำบาก
- ฯลฯ จะเห็นได้ว่าเทคนิคต่างๆมีข้อดีแตกต่างกันไป แต่ผมได้พบเทคนิคหนึ่งซึ่งทำให้การทำไข่เจียวให้ฟูนุ่มแล้วไม่แฟ่บ แถมยังง่ายดายมากๆ สมกับการเป็น "ไข่เจียว"มากๆ
มาดูกันครับว่ามันจะง่ายแค่ไหน กับผลที่ได้ตามภาพนี้ เทคนิคที่ว่านั้นคือการใช้ "หม้อ" ในการเจียวไข่ นอกจากเราไม่ต้องกลัวรูปร่างไข่จะไม่สวยแล้ว เรายังสามารถทำให้มันฟูและหนาได้ตามความต้องการ โดยไม่ใช่ตัวช่วย หรือสารประกอบใดๆทั้งสิ้น
( ตามปกติแล้ว การใส่หมูสับ หรือใส่แป้งลงไป จะทำให้ไข่หนาขึ้นมาได้มากขึ้น แต่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นเนื้อไข่ไก่ล้วนๆ)

เครื่องมือ+เครื่องปรุงของผม วันนี้มีแค่ 3-4 อย่างเท่านั้น
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- ซีอิ้วขาว
- หม้อ + น้ำมันสำหรับทอด

สิ่งที่ยังขาดไม่ได้ก็คือ "ไฟ"ต้องมีความแรงอยู่พอสมควร แต่ไม่ถึงกับต้องแรงจัด คนที่ไม่มีเตาเร่งหรือเตาฟู่ ก็ยังพอทำได้ครับ

นำหม้อใส่น้ำมันพืช แล้วนำไปตั้งไฟ พอให้เริ่มมีควันเล็กน้อย ไม่ถึงกับควันโขมงนะ

สำหรับหม้อขนาดนี้ ใช้ไข่ 2 ฟอง กำลังเหมาะครับ ถ้าใช้ 3 ฟองก็ยังพอได้อยู่ แต่มันจะฟูขึ้นมาจนเกือบล้นเวลาทอด เดี๋ยวคอยดูละกันเนอะ
ปรุงรสด้วยซีอิ็วขาวเพียงอย่างเดียว แล้วตีเร็วๆ ให้เข้ากัน
ตีเสร็จแล้ว อย่าวางทิ้งไว้ รีบเอาลงกระทะเลย ฟองอากาศมันจะได้ยังแฝงตัวอยู่ในเนื้อไข่ ไม่ลอยขึ้นมาจนหมด
จำไว้ว่า ถ้าอยากได้ไข่ที่ฟูกรอบ น้ำมันจะต้องมากพอ แต่ก็ต้องไม่มากเกินไป และต้องร้อนระดับควันขึ้นฉุยๆ แต่ไม่ใช่ควันโขมง
นับ 1
2
3
เมื่อเทไข่ลงไป ก็จะได้ผลอย่างที่เห็นในรูป มันฟูออกมาพอดีๆหม้อ เป็นไข่เจียวกลมๆหนาๆที่แสนน่ากิน
กลับแล้ว 1 รอบ
ทอดไปสักครู่ จนเริ่มเห็นว่าผิวด้านบนของไข่ เริ่มแห้ง
ผมพลิกอีกครั้งหนึ่ง เพราะไข่เจียวด้านแรก มักจะสวยกว่าอีกด้านเสมอ
เสร็จแล้วช้อนขึ้นมาโลด
เอามาวางไว้บนตะแกรงเพื่อสะเด็ดน้ำมัน ถ้าเป็นไข่แบบบีบมะนาว รับรองแฟ่บตั้งแต่ตักขึ้นจากกระทะ
ด้านข้าง ของเจ้าไข่เจียวทอดหม้อ ฟูแล้วไม่แฟ่บ
การใช้หม้อทอดไข่ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ทุกข้อเลยครับ ทั้งความง่ายในการทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับไข่ ที่ทุกคนเป็นห่วง เพราะดูแล้วหม้อมันจะคับแคบ และกลับยาก แต่ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิดครับ เพราะไข่จะลอยอยู่บนน้ำมัน และไม่ได้แตะก้นหม้อแต่อย่างใด ดังนั้นการกลับก็แค่ใช้ตะหลิว หรือแม้กระทั้งช้อนกินข้าวนี่ล่ะ ตลบมันกลับอีกด้าน ไม่ต้องกลัวมันแตกหรือขาดอย่างเวลาใช้กระทะทอดด้วยครับ คือทำอย่างไรมันก็จะเป็นรูปกลมๆหนาๆ น่ากินเช่นนี้เสมอๆ นอกจากจะฟูแล้วไม่แฟ่บ มันยังมีเนื้อไข่สีเหลืองๆนุ่มๆให้เราได้สัมผัสด้านในด้วย ไม่ใช่ว่าฟูกรอบจนไม่เหลือเนื้อไข่นะ แบบนี้สิ ไข่เจียวในฝันเลยยย
เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมม
วันนั้นผมทอดไข่มากินกับข้าวอบหมูแดดเดียว แบ่งมาโปะข้าวแบบนี้เลย กินคู่กัน อร่อยไปอีกแบบ ที่จริงกินกับข้าวสวยร้อนๆแค่นั้นก็เด็ดขาดแล้ว

เป็นไข่เจียวที่ทำง่าย อร่อยง่าย และพลาดยากมากๆ ขอเพียงมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมและใกล้เคียง ส่วนเทคนิคในการทำนั้น แทบไม่มีอะไรเลยครับ เป็นไข่เจียวที่ทอดทีไร ก็ออกมาเหมือนกันทุกครั้ง แบบไม่ต้องลุ้นเลย
เนื้อไข่ฟูด้านนอก นุ่มนิ่มด้านใน ไม่อมน้ำมันด้วยน้า
บอกลาไข่แบนๆแฟ่บๆ ขาดรุ่งริ่ง อมน้ำมันไปได้เลย ไข่เจียว in a pot !!

ที่มา : FORWARD MAIL