วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ปฏิมากรรมอาหาร

ศิลป ไม่มีขีดจำกัด จากจินตนาการ อะไรๆก็เป็นศิลปได้ทั้งนั้น คนที่มีหัวศิลป จะจับอะไร ทำอะไร ก็ดูสวยไปหมด

นี่ก็เอาวัตถุดิบ ที่จะใช้ปรุงอาหารมาจับตั้งๆ เรียงๆ จนออกมาก็เป็นงานศิลปได้สวยงาม ดั่งงานประฏิมากรรม


















ส่วนที่หัวศิลปแต่ทะเล้น ก็จะออกมาเป็นแบบนี้


ขำๆกันไปอ่ะนะคะ

คราวหน้าก็ยังคงจะเป็นศิลปเกี่ยวกับอาหารอีกเช่นเตย แต่ว่าจะเป็นอาการอะไรและสร้างสรรค์แค่ไหน ต้องติดตามนะคะ

รายชื่อบทความที่เข้าชิง เดือนพฤษภาคม53

1.เรื่องของพื้นที่ไม่พื้นๆ
2. 5ไอเดียง่ายกับการพาบ้านไปพักผ่อน
3. แต่งบ้านสไตล์โมเดิร์
4.ไอเดียติดม่านรับหน้าร้อนโดย
โดย pa'ni
5. บ้านดินริมน้ำแควน้อย
6. สถาปัตยกรรมที่แปลกที่สุดในโลก
โดย ฝ้าย
7. สุดยอดสถาปัตยกรรมจีน
โดย ฝน
8. พาเยือนฝรั่งเศษ
โดย เนต
9. สร้างบ้านพลังงานหาร2
โดย โอ๊ต
10. บ้านในฝันสวรรค์น้อยๆ
โดย ตั้ม(ศุภชัย)

รักใครเชียร์ใคร ชื่นชอบบทความเรื่องไหนเตรียมไว้ในใจได้เลย แล้วมาร่วมโหวตพร้อมๆกัน ในงาน Teem blog party end of this May... โดยครั้งนี้เราจะจัดกันที่ Teem office เวลา 6โมงเย็น นะคะ แล้วเจอกันค่า

by Mongers

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553





หลบบ้านหน้าร้อน(ๆ)
เมษาหน้าร้อนผ่านไป แต่เมืองไทยไม่ว่าเดือนไหนๆ ก็ยังร้อนอยู่ดี(จริงไหมค่ะ)
ร้อนๆ ร้อนจริงๆเลย เดินไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นอุบว่าทำไมอากาศบ้านเราถึงได้ร้อนมากขนาดนี้นะ ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าก็เบื่อเต็มที อยู่บ้านก็ร้อน อยากนอนอยู่บ้านบ้าง ทำอย่างไรดีกับปัญหาบ้านร้อน... room เคยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “เตรียมรับมือกับปัญหาบ้านหน้าร้อนให้ทันท่วงที” และในวันนี้สถานการณ์พาไปให้ดิฉันหยิบยกข้อมูลส่วนนี้เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เตรียมรับมือ (คงจะไม่ทันแล้ว) รับมือกับ 5 ปัญหาบ้านร้อน และสำหรับบ้านที่ใช้กระจกมีวิธีต่อสู้กับความร้อนอย่างไร...


1. ร้อนเพราะแดดส่อง
เดือดร้อน:ห้องโดนแดดช่วงบ่ายถึงเย็น เพราะอยู่ทางทิศตะวันตก คลายร้อน: ใช้ผนังกันความร้อน เช่น ก่ออิฐ 2 ชั้น อิฐมวลเบา หรือใส่ฉนวนกันความร้อน ทำหลังคากันสาดยื่น 1 50 เมตร หรือทำแผงระแนงบังแดด ปลูกต้นไม้สร้างร่มเงาให้บ้าน เช่น ไม้ยืนต้น ไม้แขวน ไม้กระถางเดือดร้อน: บ้านมีผนังกระจกเยอะ ดูโล่งดี แต่ร้อนจัง คลายร้อน: ใช้กระจกตัดแสง กระจกกันความร้อนผ



2. หลังคาก็ไม่ช่วยอะไร
เดือดร้อน: ห้องชั้นบนของตึกแถวเป็นหลังคาคอนกรีต ร้อนมากจนอยู่ไม่ได้คลาย ร้อน: ป้องกันความร้อนไม่ให้ตกลงหลังคา โดยทำหลังคาบังแดดซ้อน อีกชั้น วางแผ่นโซลาร์สแลบ หรือขึงซาแรนบังแดด ติดตั้งฉนวน
เดือดร้อน: หลังคาบ้านติดตั้งฉนวนแล้ว แต่ก็ยังร้อนอยู่คลายร้อน: นอกจากการป้องกันความร้อนแล้วยังต้องมีการระบายความร้อนด้วยเพียงทำช่องระบายอากาศใต้หลังคา อย่างบริเวณหน้าจั่วและฝ้าชายคาก็ทำให้บ้านเย็นขึ้นได้
บ้านคุณฐิติมา เอี่ยมสกุลอากาศถ่ายเทสะดวก ด้วยการทำช่องเปิดกระจกใสทั้งสองด้านดูโปร่งสบายแล้วปลูกต้นไม้ที่ให้ร่มเงาหรือทำระแนงบังแดดก็ช่วยให้ลมที่พัดเข้าบ้านเย็นขึ้น






3. ทำไมไม่มีลมนะ
เดือดร้อน: เปิดหน้าต่าง แต่ลมไม่เข้าคลายร้อน: เกิดจาก 3 สาเหตุ คือ เปิดหน้าต่างรับลมผิดด้าน หน้าต่างบานเปิด สามารถดักลมให้พัดเข้าห้องได้ดีที่สุด แต่ถ้าติดตั้งผิดด้านก็ทำให้ลมไม่เข้าห้องได้
มีช่องเปิดให้ลมเข้า แต่ไม่มีทางให้ลมออก ควรทำช่องเปิดอย่ างน้อย 2 ด้านให้มีขนาดใกล้เคียงกัน เพื่อให้ลมผ่านได้สะดวก แต่หากไม่สามารถทำช่องเปิดเพิ่มได้ ควรติดตั้งพัดลมดูดอากาศเพื่อช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดีขึ้น
อยู่ในจุดอับลมห้องอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีลมผ่าน หรือถูกบังด้วยสิ่งก่อสร้าง ควรติดตั้งหน้าต่างชนิดบานเกล็ดติดตาย ที่สามารถระบายอากาศได้ตลอดเวลา

4. ลานปูนกลายเป็นเตาย่าง
เดือดร้อน: ลานปูนหน้าบ้านแค่เดินผ่าน เหงื่อก็ตกแล้ว คลายร้อน: ปลูกต้นไม้ที่มีพุ่มเป็นทรงแผ่เพื่อสร้างร่มเงาและ ช่วยลดอุณหภูมิปูพื้นด้วยวัสดุที่ไม่สะสมความร้อนอย่างพื้นบล็อกหญ้า หรือดีไซน์พื้นปูนสลับกับพื้นหญ้า ก็ดูชุ่มชื้นขึ้นสร้างบ่อน้ำทางทิศใต้หรือตะวันตกเพื่อให้ลมพัดความเย็นจากบ่อน้ำเข้าบ้านเดือดร้อน: บ้านติดถนน ลมพัดเข้ามาแต่ละทีแสนจะร้อน คลายร้อน: พื้นถนนเป็นตัวเก็บความร้อนอย่างดี ควรปลูกต้นไม้พุ่มหนาเป็นแนว ช่วยลดความร้อน แถมกรองเสียงและฝุ่นได้อีกด้วยทำรั้วแบบทึบกึ่งโปร่ง เพื่อลดการสะท้อนความร้อน แต่ยังสามารถถ่ายเทอากาศได้

5. ตกแต่งอย่างไรให้คลายร้อน
เดือดร้อน: อยู่คอนโดมิเนียมจะป้องกันความร้อนจากภายนอกก็ทำไม่ได้ คลายร้อน: ใช้การตกแต่งภายในที่ช่วยลดความร้อนได้ ดังนี้ ตกแต่งห้องด้วยสีโทนเย็น และสีอ่อน อย่าง ขาว ครีม ฟ้าอ่อน ชมพูอ่อน เขียว เพราะจะดูดซับ ความร้อนน้อยกว่าสีเข้ม และดูสบายตาใช้วัสดุตกแต่งที่ไม่สะสมความร้อน เช่น ผ้า ไม้เลือกเฟอร์นิเจอร์ทรงโปร่งๆช่วยให้อากาศไหลเวียนได้สะดวก

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

แนวความคิดและการออกแบบ บ้าน นวธานี


ขนาดที่ดิน 453 ตารางวา
ขนาดบ้าน 460 ตารางเมตร
เจ้าของ คุณพรพิมล อังยุรีกุล
ที่อยู่ 124 ซอย3 หมู่บ้านนวธานี ถนนเสรีไทย59 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. 10230


ความเป็นมา
เป็นความต้องการที่จะขยับขยายจากบ้านหลังเก่าที่ครอบครัวได้อยู่อาศัยมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี ในตอนแรกแม้ทุกคนในบ้านจะมีความรู้สึกผูกผันกับบ้านหลังเก่านี้มาก ด้วยที่ว่าเป็นบ้านหลังแรก ทั้งการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวและความทรงจำต่างๆ ของทุกๆคนก็เกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้ แต่เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆประการ เช่นบ้านเก่าหลังนี้เป็นบ้านจัดสรรซึ่งผ่านการต่อเติมซ่อมแซมมาแล้วหลายต่อหลายครั้งเพี่อที่จะรองรับความต้องการของครอบครัวที่เติบโตขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดของโครงสร้าง รูปแบบของบ้าน และความสูงของเพดาน ห้องและฟังก์ชั่นต่างๆในบ้านที่ถูกต่อเติมขึ้นจึงเป็นเหมือนการปะติดปะต่อกันอย่างไม่ลงตัว และไม่สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตของครอบครัวอย่างเหมาะสมได้แม้ว่าจะขยายหรือต่อเติมแก้ไขอีกเท่าไรก็ตาม อีกทั้งระบบต่างๆของบ้านก็เริ่มเสื่อมสภาพท่อระบายน้ำตัน ชักโครกกดไม่ลง เพราะถนนและท่อระบายน้ำหน้าบ้านถูกทำให้สูงกว่าระดับท่อและบ่อซึมในบ้านเสียแล้ว ทุกๆคนจึงตัดใจที่จะแก้ไขต่อเติมบ้านหลังเก่า และเริ่มคิดที่จะปลูกบ้านหลังใหม่ ที่เป็นบ้านที่เหมาะกับความเป็นอยู่ของครอบครัวจริงๆ (บ้านหลังเก่าของครอบครัวก็ยังคงอยู่โดยดัดแปลงเป็นออฟฟิศของบริษัทของลูกชายแทน)


แนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายใน

ทำเลที่ตั้งและการวางผัง


ที่ดินแปลงนี้เจ้าของบ้านได้มาเกือบสิบปีแล้ว ในตอนแรกมีเพียงแปลงเดียวคือ 105 ตารางวา ด้วยเจ้าของ(คุณแม่)เป็นคนชอบสวนและการปลูกต้นไม้ เลยถูกใจที่จัดสรรในหมู่บ้านนี้มากเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และร่มรื่นน่าอยู่ จึงซื้อเพิ่มอีกทีละแปลงสองแปลงจนเป็นขนาด 453ตารางวา ที่ดินมีขนาด 30x60เมตร โดยประมาณ ด้วยความตั้งใจแรกของครอบครัวว่าจะปลูกบ้านอยู่ด้วยกันเมื่อลูกๆโตมีครอบครัวแล้ว การจัดวางผังจึงจะต้องเพื่อที่ดินเอาไว้ปลูกบ้านหลังเล็กๆอีกสองหลังด้วย จึงเลือกที่จะปลูกบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านของพ่อแม่เป็นบ้านประธานอยู่ตรงกลางที่ดิน และบ้านลูกชายทั้งสองที่จะปลูกในอนาคตอยู่ซ้ายและขวา โดยตั้งใจที่จะให้ทั้งสามครอบครัวได้มาอยู่พบปะ รับประทานอาหาร และทำกิจกรรมร่วมกันที่บ้านนี้
การจัดวางแนวแกนของบ้าน ได้วางเป็นทางยาวขนานกับทิศตะวันออก ตะวันตก เพื่อที่จะลดผลกระทบของความร้อนจากแสงแดด ในขณะเดียวกันก็หันด้านหน้าบ้านไปทางทิศใต้เพื่อรับลม แม้ในฤดูหนาวที่ตำแหน่งของดวงอาทิตย์จะอ้อมมาทางทิศใต้ซึ่งจะปะทะหน้าบ้านอยู่บ้าง จึงต้องมีการติดตั้งม่านกรองแสงมาเพื่อแก้ไขตรงจุดนี้



บ้านของพ่อแม่ และลูกๆวัยทำงาน
บ้านหลังนี้มีสมาชิกคือพ่อแม่ และลูกชายอีกสองคนที่เรียนจบและทำงานแล้วทั้งคู่ แต่ละคนก็มีหน้าที่การงานและตารางเวลาที่แตกต่างกัน(กลับบ้านและตื่นนอนไม่พร้อมกัน) ทุกๆคนต้องการบ้านที่อบอุ่นเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนบ้านหลังเก่า แต่ก็ต้องการความเป็นส่วนตัวด้วย บ้านหลังนี้จึงถูกออกแบบให้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน(single roof house) มีหลังคาเดียวแต่มี 3 โซนห้องพักที่แต่ละโซนมีทางเข้าออกแยกและเป็นอิสระจากส่วนกลางของบ้าน และมีพื้นที่และมุมมองที่มีความเป็นสัดส่วนจากกัน แต่ก็สามารถรู้ถึงการอยู่อาศัยของสมาชิกคนอื่นๆในบ้านได้จากหน้าต่างของทุกๆห้องที่มองเข้าหาพื้นที่ส่วนกลางของบ้านและมองเห็นหน้าต่างของแต่ละโซนได้ จึงได้ทั้งความรู้สึกอบอุ่นของการอยู่ร่วมกันอย่างครอบครัวในขณะเดียวกันกับที่มีความเป็นอิสระส่วนตัวของแต่ละคนด้วย


บ้านของคนรักธรรมชาติ


การเลือกที่จะปลูกบ้านที่นี่ก็เพราะอากาศที่ดี และความร่มรื่นของสภาพแวดล้อม จึงมีความคิดที่ว่าจะให้การอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด ต้องการให้ทุกๆห้องในบ้านได้รับแสงสว่างและอากาศภายนอก มีมุมมองเห็นสวนและต้นไม้ เย็นสบาย โปร่งโล่งและไม่ให้เกิดความรู้สึกอึดอัดปิดล้อมเหมือนเมื่ออยู่ในบ้านหลังเก่า
การออกแบบบ้านจึงต้องทำให้ผนังส่วนใหญ่เป็นกระจกใสและมีช่องเปิดขนาดใหญ่เพื่อรับทั้งลมและแสงสว่าง แต่บ้านก็ต้องมีหลังคาที่ยาวด้วยเพื่อลดการปะทะของแสงแดดโดยตรงเข้ากับกระจกซึ่งจะนำพารังสีความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ชายคาของบ้านทั้งด้านหน้าและหลังยาวถึงด้านละ 4 เมตร เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแต่ละห้องในตัวบ้านไม่โดยแสงแดดโดยตรงและไม่ถูกฝนสาด ชายคาด้านหน้าบ้านเชิดขึ้นเพื่อให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ แต่ก็ทำให้ต้องมีแผงครีบบังแดด(horizontal louvre)มาช่วย และยังทำหน้าที่กันฝนสาดได้อีกด้วย ส่วนหลังคาของบ้านนั้นได้ออกแบบให้เป็นทรงสามเหลี่ยมคว่ำที่มีความหนาคือมีพื้นที่ใต้หลังคามาก เพื่อที่เป็นฉนวนกันความร้อน และในขณะเดียวกันก็ได้ติดตั้งช่องระบายอากาศตลอดแนวหน้าและหลังของหลังคา เพื่อที่จะให้อากาศร้อนภายในหลังคาไหลผ่านออกไปได้

ห้องโถงกลาง
พื้นที่นี้ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์รวมของสมาชิกทุกคนของครอบครัวในปัจจุบัน และครอบครัวของลูกๆในอนาคต เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ใช้รับแขก เขียนหนังสือ ทำงาน และทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ตลอดจนจัดงานเลี้ยงในหมู่ญาติพี่น้องซึ่งมีประมาณ 40-50 คนโดยจะจัดกันเป็นประจำทุกๆปี ห้องโถงกลางนี้จึงถึงเป็นหัวใจของบ้านหลังนี้ที่อาจจะมีความต้องการการใช้สอยที่ไม่เหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ


ห้องโถงกลางนี้จึงต้องถูกออกแบบให้สามารถรองรับการใช้สอยได้หลากหลายรูปแบบ ในขณะเดียวกันก็ต้องอยู่สบายด้วย แนวทางการออกแบบใต้ถุนของบ้านทรงไทยถูกนำมาประยุกต์ใช้ โดยการออกแบบผนังกระจกทั้งสองด้านตลอดแนวยาวของห้องโถงให้สามารถเลื่อนเปิดได้ถึง 70%เพื่อให้ลมสามารถไหลผ่านได้ ลดปริมาณความร้อนสะสมภายในห้อง ขณะเดียวกันก็เลือกใช้หินอ่อนปูนพื้นห้องเพื่อที่จะดึงความเย็นของพื้นดินขึ้นมาลดอุณหภูมิของห้อง และการมีเพดานที่สูงและหลังคาที่หนาก็ยังทำหน้าที่ป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดี

การออกแบบ ตกแต่งภายใน


ความต้องการของสมาชิกในบ้านที่ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย พอเพียง และไม่รกรุกรัง จึงทำให้บ้านหลังนี้ถูกตกแต่งตามแนวความคิดดังกล่าว ตั้งแต่การจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอย การกำหนด(สเปซ)ที่ว่างภายในและความสัมพันธ์ของโซนต่างๆที่ถูกออกแบบตามแนวคิดที่เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง การใช้เส้นสายในงานสถาปัตย์ที่ตรงไปตรงมา และการตกแต่งภายในโดยการไม่อิงยุคสมัยและสไตล์ใดๆ แต่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ที่ใช้สอยอาคารเป็นสำคัญ โดยที่แต่ละห้องของบ้านจะถูกกำหนดให้มีบรรยากาศที่แตกต่างกันตามแต่ความเหมาะสมของกิจกรรมที่เกิดขึ้นในห้อง และสอดคล้องกับความชอบของผู้เป็นเจ้าของห้องด้วย
“การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา” คงจะอธิบายได้ดีถึงลักษณะแปลกๆของขอประดับตกแต่งที่อยู่ในบ้านหลังนี้ เนื่องด้วยเพราะวิถีชีวิตของคนไทยเชื้อสายจีนของทั้งครอบครัวที่เคยดำเนินอยู่มาจนเกิดความเคยชินนั้นกับไม่เรียบง่ายและเป็นระเบียบอย่างที่คิด สิ่งของต่างๆที่ยังจำเป็นและไม่สามารถปล่อยวางได้จากการดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมจึงยังถูกนำมาไว้ในบ้านหลังใหม่นี้ ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อที่สมาชิกทุกๆคนในบ้านจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสู่วิถีการใช้ชีวิตในแบบที่ตั้งใจไว้

แนวความคิดในการเลือกใช้วัสดุ


วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ในงานสถาปัตย์และตกแต่งภายในของบ้านหลังนี้เป็นวัสดุที่หาได้ภายในประเทศ (มีเพียงหินที่ใช้ทำโต๊ะห้องรับประทานอาหารเท่านั้นที่เลือกใช้สีให้เข้ากับการตกแต่งจึงต้องใช้หินต่างประเทศ) โดยเลือกใช้วัสดุตามคุณสมบัติที่เหมาะสม มีความทนทาน และสวยงามตามธรรมชาติ อาทิเช่น ไม้สักธรรมชาติ หินอ่อนสีขาวเทาจากเหมืองสระบุรี หินทรายสีเขียวขัดหน้าเรียบ และหินทรายสีเทาหน้าธรรมชาติ ฯลฯ




แนวความคิดในการเลือกใช้วัสดุต่างๆร่วมกันในงานนั้น ผู้ออกแบบได้คำนึงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างลงตัวในความแตกต่างของการแสดงออกของวัสดุแต่ละชนิด ทั้งในเรื่องของสีสัน ลวดลายตามธรรมชาติ ผิวสัมผัส การสะท้อนและการหักเหของแสง และเทคนิคที่จะนำวัสดุเหล่านั้นมาติดตั้งให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างและแปลกตา

เฟอร์นิเจอร์



การออกแบบและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้นั้น เน้นไปที่ความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลัก เน้นดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ความน่าสนใจของงานนั้นจะเกิดจากความแตกต่างกันของเฟอร์นิเจอร์แต่ละตัวที่เมื่อนำมาวางอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นที่ขนาด รูปทรง วัสดุที่ใช้ หรือสีสัน และความตัดกันระหว่างตัวเฟอร์นิเจอร์นั้นกับเส้นสายของพื้นหลังที่เป็น สเปซ และสถาปัตยกรรมของบ้านด้วย


การออกแบบแสงสว่าง


ทุกๆพื้นที่และทุกๆห้องในบ้านหลังนี้ ยกเว้นเพียงห้องรับประทานอาหารซึ่งมักใช้ดูทีวีด้วยเท่านั้น สามารถใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องใช้แสงประดิษฐ์เลยในเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนนั้นทั้งภายในและบริเวณรอบๆตัวบ้านก็มีความสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นทางเดินได้
แนวทางในการออกแบบแสงประดิษฐ์ของบ้านหลังนี้ก็คือ ต้องการให้บ้านมีบรรยากาศที่นุ่มนวล ผ่อนคลายในโอกาสที่ใช้พักผ่อนหรือสังสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีปริมาณและคุณภาพของแสงที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรมหลายๆอย่างที่แตกต่างกันภายในบ้านโดยเฉพาะห้องโถงกลางที่เป็นห้องอเนกประสงค์ และแสงยังต้องช่วยทำให้สถาปัตยกรรมและพื้นที่ภายในอาคารเกิดความน่าสนใจในแบบสามมิติด้วย ในการที่จะบรรลุโจทย์ที่ตั้งไว้นี้ จึงต้องกำหนดให้มีแสงสว่างหลัก3ชุดเพื่อทำหน้าที่หลักๆสามประการก็คือ สร้างบรรยากาศและความน่าสนใจให้กับสเปซ(ambient light) ให้แสงสว่างที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรม(task light) และแสงส่องเน้น(accent light)เพื่อให้สถาปัตยกรรมและงานตกแต่งโดดเด่นขึ้น แสงทั้ง3ชุดนี้สามารถใช้ผสมผสานกันได้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ร่วมกันหรือบรรยากาศที่แตกต่างกันไป นอกจากนั้นยังได้มีการใช้แสงสีต่างๆในการสร้างความรู้สึกน่าสนใจ ตื่นเต้น แปลกตา แต่ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของปริมาณและจุดตกกระทบของแสงสีเพื่อไม่ให้รบกวนการมองเห็นสีที่แท้จริงผิดเพี้ยนไป

ปัญหาในการออกแบบและก่อสร้าง
• มีปัญหาบ้างในการใช้หินธรรมชาติเนื่องจากลวดลายและสีสันมีความแตกต่างกันจึงทำให้ต้องคัดเลือกและรอให้ได้หินแบบและลายที่ต้องการในปริมาณที่เพียงพอ จึงทำให้เผื่อระยะเวลาในแผนการก่อสร้างด้วย
• การติดตั้งผนังหินทรายหน้าเรียบที่มีการเพ่สันหิน และผนังหินทรายหน้าธรรมชาติที่ปูสลับสูงต่ำก็ทำได้ยากกว่าที่คิดไว้ เพราะว่าหินทรายนั้นจะโก่งตัวเมื่อมีการดูดซึมน้ำมากจึงทำให้เกิดการหลุดร่อน ได้มีการลองผิดลองถูกอยู่หลายวิธีจึงสำเร็จ
• ด้วยความต้องการที่จะให้ห้องโถงกลางเปิดโล่งได้มากที่สุด จึงได้มีคิดถึงการใช้ประตูบานเพี้ยมกระจก แต่เมื่อได้พิจารณาถึงความไม่สะดวกในการเปิดปิดที่ต้องใช้กำลังมาก ขนาดของเฟรมที่ใหญ่โตและรางเลื่อนด้านล่างที่มีร่องลึกและใหญ่ซึ่งอาจจะทำให้สะดุดได้เวลาเดินผ่าน จึงทำให้มาเลือกใช้บานประตูกระจกเลื่อนสามตอนแทน ซึ่งแม้ว่าจะเปิดได้เพียง70% แต่ก็เป็นการเหมาะสมต่อการใช้งานมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสียข้างต้น
• การติดตั้งประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่และสูงมากๆนั้น (ชุดบานกระจกสูง6เมตร และตัวบานเลื่อนสูง3เมตร) ต้องมีการเสริมโครงสร้างเหล็กเข้าไปในเฟรมอลูมิเนียมเพื่อให้เกิดความแข็งแรง และมีการคำนวณการรับน้ำหนักชุดบานกระจกติดตายที่อยู่เหนือบานเลื่อนแล้วทำโครงเหล็กแขวนยึดขึ้นกับโครงหลังคาเพื่อป้องกันไม่ให้เฟรมมีการแอ่นตัวลงซึ่งจะทำให้บานเลื่อนมีปัญหาได้

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

10 สุดยอดสถาปัตยกรรมจีน


1. สนามบินนานาชาติปักกิ่ง สนามบินโฉมใหม่ที่มีขนาดกว่า 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเพนตากอนของสหรัฐอเมริกานี้ เป็นฝีมือของผู้ออกแบบสนามบินเช็กแลพก๊อกของฮ่องกงด้วย นั่นคือ Foster & Partners สถาปนิกนักเดินทาง ที่เข้าถึงจิตใจผู้โดยสาร ด้วยการออกแบบทางเดินแต่ละส่วนให้สั้นที่สุด ฟอสเตอร์ ได้แบ่งอาคารที่กว้างขว้างใหญ่โตของสนามบินนานาชาติปักกิ่งออกเป็น 2 ข้าง ทอดตัวจากทิศใต้ไปสู่ทิศตะวันออก เพื่อช่วยลดไอร้อนจากแสงอาทิตย์ แต่ติดสกายไลท์ให้แสงแดดละมุนละไมได้ฉายส่องเข้ามา พร้อมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนภายในตัวอาคาร กำหนดสร้างเสร็จปี 2007 นอกจากนี้ จีนยังมีแผนที่จะสร้างสนามบินใหม่ถึง 108 แห่งระหว่างปี 2004-2009 ซึ่งรวมทั้งสนามบินนานาชาติปักกิ่งแห่งนี้ ที่จะเปิดให้บริการปลายปี 2007 เพื่อต้อนรับโอลิมปิก 2008 โดยจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 43 ล้านคนในปีแรก และเพิ่มเป็น 55 ล้านคนในปี 2015
2. เดอะคอมมูน – กรุงปักกิ่ง เดอะคอมมูน (The Commune) เกิดขึ้นตามความตั้งใจของคู่รักนักพัฒนาเรียลเอสเตท จางซิน และพานซื่ออี๋ ที่ลงทุนควักกระเป๋าให้นักสถาปัตย์ชั้นนำชาวเอเชีย 12 คน คนละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเนรมิตเฮาส์คอมเพล็กซ์หรูที่มีกลิ่นอายกำแพงเมืองจีนขึ้น ปัจจุบัน เดอะคอมมูน เปิดให้บริการแล้วในส่วนที่เป็นโฮเทลบูติค ภายใต้การบริหารของเครือโรงแรมเคมปินสกี้ จากเยอรมนี ซึ่งยังมีโครงการส่วนต่อขยายเพิ่มเติมอีก เฟสแรกสร้างเสร็จเมื่อ 2002 และทั้งโครงการจะเสร็จสิ้นในปี 2010
3. ศูนย์กลางการเงินของโลกที่เซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ของโลก กำลังจะอุบัติขึ้นที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ที่เขตการเงินหลู่เจียจุ้ย ในเขตผู่ตง ในรูปโฉมของตึกกระจกสูงเสียดฟ้า 101 ชั้น Kohn Pedersen Fox Architects ผู้ออกแบบเล่าว่า การสร้างให้ตึกต้านทานแรงลมได้ ถือเป็นความท้าทายของงานนี้ ในที่สุด จึงได้ออกแบบให้ยอดตึกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พร้อมเจาะช่องตรงชั้นที่ 100 ซึ่งนอกจากจะปรับเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ยังสามารถบรรเทาแรงลม ลดการแกว่งตัวไปมาของตัวตึกได้ด้วย กำหนดสร้างเสร็จปี 2008
4. สระว่ายน้ำแห่งชาตินครปักกิ่ง สระว่ายน้ำแห่งชาตินี้ สร้างขึ้นสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 โดยมีรูปลักษณ์เหนือจินตนาการคล้าย “ก้อนน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่” ซึ่ง PTW and Ove Arup ออกแบบโดยใช้วัสดุเทฟลอนทำเป็นโครงร่าง เน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยจะนำมาใช้เดินเครื่องกรองน้ำเสียของสระน้ำที่ใช้เติมในสระจะถูกกักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ฝั่งไว้ใต้ดิน นอกจากนั้น เพื่อให้ดูเหมือนน้ำที่สุด สถาปนิกยังใช้เทคโนโลยีจากงานวิจัยของนักฟิสิกส์จาก Dublin’s Trinity College ที่สามารถทำให้กำแพงอาคารดูเหมือนฟองน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะทำสระว่ายน้ำแห่งแดนมังกรนี้ดูดีเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถต้านทานกับแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากแผ่นดินไหวได้ด้วย กำหนดเสร็จปี 2008
5. สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งชาติ (CCTV) – นครปักกิ่ง อาคารสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี มีรูปลักษณ์ที่แหวกแนวไปจากตึกระฟ้าทั่วไป โดยเกิดจากสองอาคารที่ตั้งมุมฉากต่อเข้าหากัน มองดูเหมือนอุโมงค์ขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยกระจายแรงลมที่ปะทะกับตึกได้เป็นอย่างดี ตึกใหม่นี้ออกแบบโดย Rem Koolhass และ Ole Scheeren ส่วนวิศวกรผู้คุมงานก่อสร้างคือ Ove Arup กำหนดสร้างเสร็จปี 2008
6. Linked Hybid – นครปักกิ่ง สถาปัตยกรรมแห่งที่อยู่อาศัยสมัยใหม่ Linked Hybid เป็นที่ตั้งของบ้าน 2,500 หลัง อพาร์ทเม้นท์ 700 ห้อง บนเนื้อที่ขนาด 1.6 ล้านตารางฟุต ถือเป็นตึกใหญ่สุดในโลกที่มีใช้ระบบชีวภาพในการทำความเย็นและให้ความอุ่น เพื่อรักษาอากาศทั้ง 8 ตึกให้คงที่ ในชั้นที่ 20 สร้างเป็นวงแหวน ‘บริการ’ ที่เชื่อมต่อกันทุกตึก ครบครันด้วยบริการต่างๆ ทั้งซักผ้ายันร้านกาแฟ Steven Holl และ Li Hu ยังออกแบบให้ ฝั่งท่อน้ำสองสายลึกลงไปใต้ดิน 100 เมตร สำหรับให้น้ำไหลเวียน ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องกระจายความร้อน และเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ ที่ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าทำน้ำเดือดหรือแอร์ทำความเย็น ขณะเดียวกัน ยังมีระบบบำบัดน้ำเสีย ที่จะรวบรวมน้ำจากห้องครัวและอ่างน้ำทั่วอาคาร มาหมุนเวียนใช้ใหม่ในห้องส้วมกำหนดสร้างเสร็จปี 2008

7. เมืองเศรษฐกิจตงถัน – เจียงซู เมืองเศรษฐกิจแห่งใหม่ของแดนมังกรอยู่ระหว่างวางแผน คาดว่าเฟสแรกจะเสร็จปี 2010 ออกแบบและพัฒนาโดย ซ่างไห่ อินตัสเทรียล คอร์ป ที่คาดว่าจะมีขนาดเทียบเท่ากับเกาแมนฮัตตัน ตั้งอยู่บนเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน กลางลำน้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ใกล้กับมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2040 อย่างไรก็ตาม เฟสแรกของโครงการนี้ จะเรียบร้อยก่อนที่งานเอ็กซ์โปเซี่ยงไฮ้จะเปิดฉากขึ้นในปี 2010 ซึ่งจะมีประชากรราว 50,000 คน เข้าอยู่อาศัยที่นี้ จากนั้นอีก 5 ปี ระบบพิเศษต่างๆ จะเริ่มใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ระบบจัดการน้ำเสีย และการหมุนเวียนพลังงานมาใช้ใหม่ พร้อมด้วยถนนสายใหญ่ที่จะเชื่อตรงสู่นครเซี่ยงไฮ้อย่างสะดวกสบาย
8. สนามกีฬาโอลิมปิก - นครปักกิ่ง สนามกีฬาหลายแห่งในโลก ออกแบบโดยเดินตามรอยสนามกีฬาชื่อดังของโลก โคลิเซี่ยมแห่งโรม แต่สนามกีฬานานาชาติของ Herzog & de Meuron ในปักกิ่งนี้พยายามที่จะคิดออกแบบใหม่ให้เอื้ออำนวยต่อสิ่งแวดล้อมปัจจุบันมากขึ้นสถาปนิกจากสวิสเซอร์แลนด์ Herzog & de Meuron ต้องการที่จะช่องระบายอากาศตามธรรมชาติ ในสนามกีฬาโครงสร้าง 91,000 ที่นั่ง อาจถือได้ว่า เป็นสนามกีฬาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ สนามกีฬาดังกล่าวซึ่งมีกำหนดเสร็จปี 2008 จะเป็นที่ซึ่งใช้จัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันโอลิมปิก 2008 มีลักษณะภายนอกคล้ายกับ "รังนก" ที่มีโครงตาข่ายเหล็กสีเทาๆเหมือนกิ่งไม้ ห่อหุ้มเพดานและผนังอาคารที่ทำด้วยวัสดุโปร่งใส อัฒจันทร์มีลักษณะรูปทรงชามสีแดง ซึ่งดูคล้ายกับพระราชวังต้องห้ามของจีน ภาพโครงสร้างของสนามกีฬาแห่งนี้ จึงดูคล้ายพระราชวังสีแดง ที่อยู่ภายในรั้วกำแพงสีเทาเขียว ซึ่งให้กลิ่นอายงดงามแบบตะวันออก สำหรับบันไดภายในสนามกีฬาถูกสร้างให้กลมกลืนกับโครงตาข่าย ซึ่งให้ภาพลักษณ์ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือเอกภาพ
9. สะพานตงไห่ – เชื่อมเซี่ยงไฮ้ กับ เกาะหยังซัน สะพานข้ามทะเลแห่งแรกของจีน ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนธันวาคมปี 2005 สะพานดังกล่าวเป็นเส้นทางคมนาคมหลักในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง ใช้เงินลงทุนราว 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนโครงสร้างหลักมีความยาว 32.5 กิโลเมตร กว้าง 31.5 เมตร มีทางรถวิ่ง 6 เลน และเพื่อความปลอดภัยในการรับมือกับพายุไต้ฝุ่นและคลื่นลมแรง สะพานตงไห่ถูกออกแบบให้เป็นรูปตัวเอส (S) เชื่อมจากอ่าวหลู่หูในเขตหนันฮุ่ยเมืองเซี่ยงไฮ้ ข้ามอ่าวหังโจว ไปยังเกาะเสี่ยวหยังซันในมณฑลเจ้อเจียง ที่ได้วางแผนไว้ให้เป็นท่าเรือการค้าเสรีแห่งแรกของจีน (และจะเป็นท่าคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก) ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2010

10. โรงละครแห่งชาตินครปักกิ่ง
ตั้งอยู่กลางนครปักกิ่ง ใกล้กับจัตุรัสเทียนอันเหมิน มีเนื้อที่ 490,485 ตารางฟุต มีกำหนดเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2008 โครงสร้างภายนอกประกอบขึ้นจากกระจกผสมไทเทเนี่ยม ดูคล้ายกับทะเลสาบ





ร่วมรำลึก เซ็นทรัลเวิล์ด ศูนย์การค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเซียอาคเนย์(ในย่านช๊อปปิ้ง)

เหตุการณ์สงบแล้ว แต่ขอย้อนรำลึกถึงเซ็นทรัลเวิล์ด ในแง่ของการออกแบบในโซนต่างๆกัน
ซึ่งเห็นแล้วก็เสียดาย เนื่องจากเป็นห้างที่มีความหลากหลายมาก เดินช๊อปได้ทุกชนชั้น ทุกเพศวัย
ในแง่ของการออกแบบถือว่ายังใหม่มากเนื่องจากเพิ่งปรับปรุงจากเวิล์ดเทร์ด เมื่อ 3 ปีก่อน


A.โซนเอเทรียม
การออกแบบ
+ศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำ มีทางเชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้าเซน
+ภายในอาคารมีรูปลักษณ์เป็นคลื่น โดยเจาะช่องเปิดระหว่างชั้น (Open well) เป็นแนวโค้งรูปทรงเหมือนคลื่นน้ำ ส่งผ่านความนุ่มนวลของแสงธรรมชาติลงสู่พื้นที่ส่วนกลาง
+จัดสรรพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าระดับสูง เช่น งานเปิดตัวน้ำหอม นาฬิกา เป็นต้น




B.โซนบีคอน
จุดเด่น
+โดดเด่นด้วยม่านน้ำตกภายในอาคารที่สูงถึง 30 เมตร กว้าง 6 เมตร (เทียบเท่าอาคาร 8 ชั้น) ถือได้ว่าเป็นน้ำตกในอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ให้ความสดชื่นในทุกย่างก้าวของการช้อปปิ้ง



การออกแบบ
+ โซนที่อยู่ติดกับ Isetan และเป็นทางเข้าหลักของช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์
+ ติดตั้งกำแพงกระจกแก้ว (Glass Façade) นอกอาคารฝั่งติดถนนราชดำริ
+ นำเสนอร้านอาหารประเภท Casual Dining บริเวณชั้น 3 และ Family Restaurant ที่ชั้น 6

จุดเด่น
+ หลังคาแก้วออกแบบเป็นรูปเพชรหยดน้ำ (Marquise) เปิดรับแสงจากด้านนอก เพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจเมื่อยืนที่ปลายสุดของ Marquise แก้วบนชั้น 7 ที่สามารถมองทะลุลงมาได้ถึงชั้น 1 ด้วยความสูงกว่า 30 เมตร

ร้านแรกในไทย
+ Café Italia - ร้านอาหารอิตาเลี่ยน
+ Egs - ร้านอาหารจากเกาหลี
+ Miss Saigon - ร้านอาหารเวียดนาม
+ Mixt - ร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น
+ Aka – ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ยากินิกุ
+ Folli Follie – เครื่องประดับจากกรีซ

ร้านเด่น
+ Swarovski – เครื่องประดับจากออสเตรีย
+ Adidas Original - เสื้อผ้าบุรุษและสตรี
+ Miss Sixty & Energie - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอิตาลี
+ Levi’s - เสื้อผ้าบุรุษและสตรี
+ Samsonite - กระเป๋าเดินทางจากอเมริกา
+ Index - เฟอร์นิเจอร์ / ของแต่งบ้าน
+ Major Cineplex – โรงภาพยนตร์
+ Wok & Mee - ร้านก๋วยเตี๋ยว
+ China White – ร้านก๋วยเตี๋ยวในเครือโคคา
+ Blue Cup - ร้านกาแฟ
+ Starbucks - ร้านกาแฟ
+ Roti Boy - ร้านขนมชื่อดังจากมาเลเซีย
+ Ootoya – ร้านอาหารญี่ปุ่น
+ Via Vai – ร้านอาหารอิตาเลียน

ศูนย์บริการ ทางการเงิน
+ ธนาคารไทยพาณิชย์
+ ธนาคารกสิกรไทย
+ ธนาคารทหารไทย
+ ธนาคารนครหลวงไทย
+ ธนาคารธนชาต
+ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ทหารไทย จำกัด

C.โซนทรัลคอร์ท



การออกแบบ
+ อาคาร 7 ชั้น โล่ง โปร่ง สว่างไสว เป็นจุดศูนย์กลางของเซ็นทรัลเวิลด์ เชื่อมต่อทุกส่วนของโครงการเข้าด้วยกัน รวมถึง เซ็นทรัล ฟู้ดฮอลล์, คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์, โรงแรม และที่จอดรถ
+ พื้นที่ส่วนกลางมีรูปทรงกลม หลังคารูปโดม โชว์บันไดเลื่อนวนเชื่อมต่อระหว่างชั้น แต่ละชั้นรายรอบด้วยร้านค้าที่สามารถมองเห็นหน้าร้านได้อย่างทั่วถึง
+ จัดสรรพื้นที่ส่วนกลางสำหรับจัดกิจกรรมที่ต้องการเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ เช่น งานเปิดตัวสินค้า เปิดตัวรถยนต์ เป็นต้น

จุดเด่น
+ ติดตั้งลิฟต์แก้วพาโนรามาตัวแรกของไทย โครงสร้างเป็นกระจกเปลือยใสเปิด มุมมอง 180 องศา

ร้านแรกในไทย
+ Calvin Klein Jeans - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอเมริกา
+ Country Road - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากออสเตรเลีย
+ G-Star Raw - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากเนเธอร์แลนด์ (ฮอตแบรนด์ในยุโรป)
+ Raoul - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากสิงคโปร์
+ Castro - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอิสราเอล
+ Defry 01 - เสื้อผ้าบุรุษและสตรี
+ Camper - รองเท้าจากสเปน
+ New Balance - รองเท้ากีฬาจากอเมริกา

ร้านเด่น
+ S.B. Furniture - เฟอร์นิเจอร์ / ของแต่งบ้าน
+ Toys “R” Us - ของเล่น
+ Tissot - นาฬิกา
+ FCUK - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอังกฤษ
+ Guess - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอเมริกา
+ Massimo Dutti - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากสเปน
+ Naf Naf - เสื้อผ้าสตรีจากฝรั่งเศส
+ Sasch - เสื้อผ้าสตรีจากอิตาลี
+ MNG - เสื้อผ้าสตรีจากสเปน
+ XOXO - เสื้อผ้าสตรีจากอเมริกา
+ Kyra - ชุดชั้นในสตรีดีไซน์สุดเปรี้ยว
+ Timberland - แฟชั่นบุรุษจากอเมริกา
+ David Jones - ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากออสเตรเลีย
+ Your Sense… Your Soul by CMG - น้ำหอม
+ Asia Books - หนังสือ
+ SF Cinema – โรงภาพยนตร์


D.โซนแดชเซิล


การออกแบบ
+ อาคาร 9 ชั้นภายใต้บรรยากาศหรูหรา เป็นศูนย์รวมร้านเมกะสโตร์ขนาดใหญ่ ที่เป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า อาทิ ซูเปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย เอสบี เฟอร์นิเจอร์ อุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค เซ็นทรัลฟู้ด ฮอลล์ และร้านอัญมณีเครื่องประดับต่างๆ
+ หนึ่งในทางเข้าหลักสู่เซ็นทรัลเวิลด์ มีจุดบริการรับ-ส่งผู้โดยสาร รวมทั้งบริการรับจอดรถ (Valet Parking) มาตรฐานบริการระดับ 5 ดาว

จุดเด่น
+ โชว์ฝ้าโค้ง ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้า (Chandelier) 19 ช่อ

ร้านเมกะสโตร์
+ ซูเปอร์สปอร์ต ชั้น 3 ร้านอุปกรณ์กีฬาที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุด บนพื้นที่กว่า 5,400 ตรม. ทั้งยังมีผนังโชว์รองเท้า (Shoe wall) ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย (30 ม.)
+ เพาเวอร์บาย ชั้น 4 รวบรวมสินค้ากลุ่มดิจิตอล เทคโนโลยีไอที หลากหลายประเภทตามแต่ละกลุ่มสินค้าพร้อมรุ่นให้เลือกมากที่สุด บนพื้นที่ 5,400 ตรม. ตกแต่งแบบ The Grandest Electronic Universe นำเสนอความบันเทิงภายใต้คอนเซ็ปต์ Technology for Life เช่น คาราโอเกะเวิลด์ห้องที่ลูกค้าสามารถอัดเสียงทำอัลบั้มส่วนตัว
+ เอสบี เฟอร์นิเจอร์ ชั้น 5 นำคอนเซ็ปต์ใหม่ด้วยสินค้าหลากหลายที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีพื้นที่ 4,800 ตรม.
+ เอเชียน สปิริต ชั้น 6 กลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ศูนย์รวมร้านค้าประเภทหัตถกรรม งานพื้นบ้านของไทย ศูนย์ข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว บริการรับจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน (เปิดให้บริการเดือนตุลาคม)
+ เซ็นทรัล ฟู้ดฮอลล์ ชั้น 7 ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย นำเสนอบรรยากาศการช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ที่ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าสดและให้พ่อครัวปรุงได้เลย รวมถึงมุมสอนทำอาหาร เน้นสาธิตเมนูอาหารนานาชาติ ที่ทันสมัย ศูนย์อาหารที่รวบรวมร้านอาหารที่เป็นสุดยอดของเมืองไทยกว่า 70 ร้าน
+ อุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค ชั้น 8 มีผู้มาใช้บริการโดยเฉลี่ยวันละ 3,000 คน

ร้านแรกในไทย
+ Longines - นาฬิกาจากสวิตซ์เซอร์แลนด์
+ Louis Feraud - เสื้อผ้าบุรุษจากฝรั่งเศส
+ La Senza - ชุดชั้นในสตรีจากแคนาดา

ร้านเด่น
+ Zara – เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากสเปน
+ Bangkok Dance – สันทนาการ



E.โซนอีเดน

การออกแบบ
+ อาคาร 3 ชั้น เชื่อมต่อกับอาคารสำนักงาน The Offices at CentralWorld และ Skywalk ที่เชื่อมกับรถไฟฟ้า
+ จำลองคอนเซ็ปต์ shopping street ที่ตั้งอยู่ในมหานครใหญ่ๆ เจาะช่องแสง (skylight) สูง 7 เมตร ส่งผ่านความนุ่มนวลของแสงธรรมชาติลงสู่พื้นที่โดยรอบ ร้านค้าที่ตั้งอยู่ในโซนนี้มีหน้าร้านสูงที่สุดในไทย โดยสูงถึง 6 – 8 เมตร ให้บรรยากาศร่มรื่นเหมือนเดินอยู่ในเรือนกระจกที่สองฝั่งเรียงรายไปด้วยร้านค้าขนาดใหญ่ตลอดแนวสายตา
+ ศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์ต่างประเทศ เช่น Ted Baker, Episode, Next เป็นต้น

จุดเด่น
+ ประดับด้วยโมบายลูกแก้วขนาดมหึมากว่า 3,500 ลูกห้อยระย้าลงมาจากหลังคาร้านแรกในไทย
+ Ted Baker – เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอังกฤษ
+ Liz Clairbourne - เสื้อผ้าสตรีจากอเมริกา
+ British India - เสื้อผ้าสตรี
+ Axara - เสื้อผ้าสตรีจากฝรั่งเศส
+ Next - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอังกฤษ
+ Aldo - รองเท้า
+ Tom & Co. - ซาลอนอันดับหนึ่งจากเยอรมัน

ร้านเด่น
+ Esprit - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากฮ่องกง
+ Bebe - เสื้อผ้าสตรีจากอเมริกา
+ Episode - เสื้อผ้าสตรีจากฮ่องกง
+ Yacco Maricard - เสื้อผ้าสตรีจากญี่ปุ่น
+ Kookai - เสื้อผ้าสตรีจากฝรั่งเศส
+ Morgan - เสื้อผ้าสตรีจากฝรั่งเศส
+ Kipling - กระเป๋าแฟชั่นจากเบลเยี่ยม
+ Oakley - แว่นตาจากอเมริกา
+ The Body Shop - ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากอังกฤษ
+ Cut & Curl – ซาลอน



F.โซนฟอร์รัม
การออกแบบ
+ อาคาร 3 ชั้น อยู่ด้านหลังอิเซตัน ภายในตกแต่งอย่างเรียบเก๋ ในสไตล์ Minimalist ให้กลิ่นอายแบบยุโรป โชว์พื้นซีเมนต์เปลือย
+ ศูนย์รวมร้านค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำ นำเสนอเทรนด์ล่าสุดจากต่างประเทศนับตั้งแต่ร้านขายของตกแต่งบ้านไปจนถึงร้านเสื้อผ้าสไตล์ฮิป รวมทั้งบีทูเอส ที่มีถึง 3 ชั้น เป็นศูนย์รวมหนังสือและแมกกาซีนชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในไทย
+ มุ่งผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการจัดงานแฟชั่นและเปิดตัวสินค้าชั้นนำ ทั้งจากในและต่างประเทศ

จุดเด่น
+ โดดเด่นด้วยเวทีไฮดรอลิคมาตรฐานเวทีแฟชั่นระดับโลก สามารถปรับระดับขึ้นลงได้ พร้อมระบบแสงสมบูรณ์แบบ
+ ตลอดแนวระเบียงติดตั้งราวแสง LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีสันให้เข้ากับกิจกรรมที่กำลังแสดงอยู่บนเวทีในขณะนั้น
+ ติดตั้งเก้าอี้ “มหัศจรรย์” ครั้งแรกในไทย ผลิตจากกระจกที่ติด Smart Filmทำงานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์ เปลี่ยนสภาพจากทึบเป็นใสเมื่อมีคนนั่ง

ร้านแรกในไทย
+ 5 cm - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากฮ่องกง
+ Izzue - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากฮ่องกง
+ Edit – T - เสื้อผ้าบุรุษและสตรี
+ Lee X – Line - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอเมริกา
+ House of Brand - รองเท้า
+ Manga by Playground - เสื้อผ้า / ของแต่งบ้าน
+ Make Up Store - ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากสวีเดน
+ Human Touch - กิ๊ฟท์ช็อป

ร้านเด่น
+ Fly Now - เสื้อผ้าสตรีจากดีไซน์เนอร์ไทย
+ Duet - เสื้อผ้าสตรีจากดีไซน์เนอร์ไทย
+ Benetton - เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอิตาลี
+ Playboy – เสื้อผ้าบุรุษและสตรีจากอเมริกา
+ Skin Food - ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
+ The Face Shop - ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากเกาหลี
+ B2S - หนังสือ / เครื่องเขียน
+ Q Concept Store - เฟอร์นิเจอร์ / ของแต่งบ้าน

คาดว่าหากทางเซ็นทรัลจะสร้างใหม่ ผู้ที่จะรับหน้าที่ออกแบบน่าจะตกเป็นของบีนอย ดีไซน์สิงคโปร์ ที่ผูกขาดการออกแบบเซ็นทรัลเป็นแน่นนอน ผลงานของบีนอย เช่น เซ็นทรัลพัทยา บีช
อยากให้บทความนี้ส่งไปถึงพวกคนที่เผาจังครับ เพื่อเค้าจะได้รู้ว่าเค้าเผาอะไรลงไปบ้างครับ เสียดายจริงๆ

โอโมะเตะซานโด/อาโอยามา ---- ดงตึกสวย !!

Omotesando/Aoyama คือ ย่านช็อปปิ้งอีกแห่งหนึ่งของโตเกียวค่ะ สองฝั่งถนนจะมีร้านค้ามากเรียงรายหลากหลายให้เลือกสรรค์ค่ะ แต่ถ้าหากใครไม่สนเรื่องช้อปเท่าไหร่ โอโมะเตะซานโดะก็ยังคงน่าตื่นตา ตื่นใจได้อยู่ดี เพราะว่าที่นี่เป็นดงของตึกสวยๆ มีผลงานของเหล่าซุปเปอร์สถาปนิกดังๆมากมาย จะยกตัวอยากให้ดูค่ะ....

Omotesando Hills
ช้อปปิ้งคอมเพล็กสุดเก๋ 3 ชั้นแรกอยู่บนดิน 3 ชั้นหลังอยู่ใต้ดิน เดินเชื่อมด้วยทางลาดให้ความรู้สึกเหมือนเดินขึ้นเขา สมชื่อออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง ทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Ando)

GYRE

ตึกสีเข้มทะมึน ดีไซน์เนียบ โดยบริษัทสถาปนิกเนเธอร์แลนด์ MVRDV



PRADA

ตึกล้ำๆ ออกแบบโดย เฮอซอก แอนด์ เดอ มูวรอน (Herzog & de Meuron)



TOD'S

ตึกเจอะช่อง ล้อกับรูปทรงต้นไม้ด้านหน้า โดย ซุปเปอร์สตาร์สถาปนิก โตโย อิโตะ (Toyo Ito)



DIOR

ตึกกระจก เรียบสะอาดตา ตามสไตล์ SANAA (ซาน่า)





สุดท้าย ด้วยความคิดถึง CENTRAL WORLD




------------- --------------------- -------------- ------------------------- ----------------*