วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

โต๊ะรูปทรงเก๋ ดีไซน์แปลก

เอามาฝากอยากให้ชมกันครับ

โต๊ะรูปทรงแปลก ๆ เก๋ ๆ
เจ๋งมากไอเดียในการประดิษฐ์โต๊ะเก้าอี้ เห็นแล้วอยากได้ไว้แต่งบ้านซักชิ้นมั้ยครับ

ภาพจาก d-ja.com

บทความโดย พี่โจ้

คีย์บอร์ดดีไซน์แมงกะพรุนใช้แค่ 5 คีย์

ขอเริ่มต้นด้วยข่าวแก็ดเจ็ต (Gadget) แปลกๆ ก็แล้วกันนะครับ Erik Campbell นักออกแบบได้ดีไซน์คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานคล้ายกับคอร์ดบน คีย์บอร์ดเครื่องดนตรีแทนการใช้ปุ่มตัวอักษรแบบ QWERTY ทีเราคุ้นเคย โดยผู้ใช้สามารถใช้มือเดียว เพื่อพิมพ์ตัวอักษรที่ต้องการได้ด้วยการกดปุ่ม 5 ปุ่มผสมกันลักษณะคล้ายลิ่มเปียโน แต่ดีไซน์ใหม่เขาได้ไอเดียมาจากแมงกะพรุน

สำหรับต้นแบบคีย์บอร์ดที่ใช้การพิมพ์แบบคอรด์ (chorded keyboard) ได้ถูกออกแบบมาตั้งแต่ปี 1968 (ประมาณ 42 ปีที่แล้ว) โดย Doug Engelbart โดยชุดอุปกรณ์ประกอบด้วยลิ่มคีย์บอรด์ 5 อัน สามารถกดทีละตัว หรือผสมกัน เพื่อให้มันแสดงตัวอักษรต่างๆ ที่ต้องการได้ ซึ่งสามารถใช้แทนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์มาตรฐานทีใช้เป็นแป้นตัวอักษร QWERTY ได้อย่างสมบูรณ์ ดังรูป

ดีไซน์ของ Campbell ได้เปลี่ยนดีไซน์ที่มีลักษณะคล้ายลิ่มคีย์บอร์ดเครื่องดนตรีแบบเดิมๆ ให้มีลักษณะเป็นวงกลมนูนตรงกลาง และมีปุ่ม 5 ปุ่มอ่อนนุ่มให้กดได้ เจ้าตัวบอกว่า ดีไซน์ทีเห็นนีได้รับแรงบันดาลใจมาจากแมงกะพรุน อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะสงสัยสิว่า Chorded Keyboard ที่มีแค่ 5 ปุ่มจะใช้แทนคีย์บอรด์ QWERTY ได้อย่างไร ลองชมคลิปที่นำมาฝากข้างล่างนี้ดูนะครับ ที่น่าทึ่งมากๆ ก็คือมันทำหน้าที่แทนเมาส์ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ดีไซน์ใหม่ของ Campbell เท่ากับเป็นการผสมผสานเมาส์เข้ากับคีย์บอร์ดได้อย่างลงตัวนั่นเอง...ว้าว!!!

ข้อมูลจาก: Eric Campbell

บทความโดย พี่หนุ่ม

BODY PAINT!!! ศิลปะบนเรือนร่าง

Body Paint หรือการเขียนภาพบนร่างกายมนุษย์ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ ความจริงไม่ได้เป็นของใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นแฟชั่นหรือเป็นกระแสอย่างปัจจุบันนี้ ถ้าจะว่ากันจริง ๆ แล้ว ศิลปะการเขียนภาพบนร่างกายมีมาตั้งแต่ยุคโบราณโน่นแล้ว ก็ดูอย่างชนพื้นเมมืองชนเผ่าต่างๆ อย่างชาวอะบอริจิ้นในออสเตรเลีย นี่ก็มีประวัติศาสตร์ร่วมหมื่นปีแล้ว (นี่ว่าตามตำราของชาวออสซี่นะ "ศิลปินข้างถนน" คงมิบังอาจที่จะยกเมฒ เดี๋ยวจะโดนฟ้าผ่าตายป่าวๆ หรือบางชนเผ่าในทวีปอัฟริกา ในอเมริกาใต้เป็นต้น Body Paint ส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะของการใช้สีแต้มทาบนร่างกาย ซึ่งเป็นการชั่วตราว

ต่อมาใช้อัฟริกา มีบางชนเผ่านิยมการเขียนลวดลายบนผิวหนังที่เป็นลักษณะกึ่งถาวร คืออยู่ทนกว่าว่างั้นเถอะ และมีลวดลายที่สวยงามแทนที่จะเพียงเอาสีมาป้ายๆ บอดี้เพนท์ลักษณะนี้เรียกกันว่า Mehndi เนื่องจากสีที่ทนทานกว่านี้ใช้สีที่สกัดมาจากพืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่าเฮนนา (henna) บางคนจึงเรียกมันว่า การสักเฮนนา (Henna Tattoo) วิธีนี้ได้รับความนิยมอ่างรวดเร็วปลายทศวรรษ 1990 และนี่แหละคือที่มาของศิลปะบอดี้เพนต์ในปัจจุบัน

บอดี้เพนต์ในยุคดั้งเดิม

บอดี้เพนท์แบบ Mehndi ซึ่งยังเป็นที่นิยมของชาวอินเดียว โดยเฉพาะการเพนต์บนเจ้าสาวในพิฑีแต่งงาน...ร่ายมาเสียยาว น่าเบื่อกับความรู้วิชาการบ้าบอพวกนี้นะ มาดูเขาเขียนภาพบนร่างกายกันจะๆดีกว่า อาจจะแตกต่างจากที่เคยเห็นกันทั่วไป งานนี้ออกแนวสยองนิดๆค่ะ










ที่มา www.kapook.com
บทความโดย พี่ปอ

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

กระเป๋า รีไซเคิล ราคาเฉียดหมื่น !!! ??






ผ้าใบคุลมรถบรรทุก+ เข็มขัดนิรภัยรถยนตร์+แอร์แบ็ก+ยางในรถจักรยาน

=







ฟรายทีค (1993)เกิด จาก สองพี่น้องชาว สวิส ที่ ต้องการหากระเป๋า ที่ ใช้ได้อย่างทนทานทุกสถานการณ์ไม่ว่า จะ แดดออก ฝนตก หรือ ต้องแบกของหนัก แค่ไหนก็ตาม กระเป๋าข้างกายใบนี้ต้องตามไปด้วยกันทุกที่



สองพี่น้อง จึง เริ่มเสาะหา วัสดุ ที่ ตอบโจทย์ได้อย่างที่ ต้องการ


เริ่มด้วย ผ้าใบคลุมรถบรรทุก ---- ทำไมต้อง ผ้าใบ ทำไมต้องรถ บรรทุก ???


สาเหตุมาจาก ผ้าใบทนทาน กันฝนได้ด้วย ไม่งั้นเค้าไม่เอาคลุมรถบรรทุกหรอกค่ะ นอกจาก จะทนและกันฝนได้ ตามคุณสมบัติของมันแล้ว เรายังได้ ประโยชน์จากสีสัน ลายกราฟฟิก จาก โลโก้ของบริษัทนั้นๆด้วย.


เข็มขัดนิรภัย ---- ก็เอามาทำเป็นสายสะพาย เนื่องดว้ยขนาดหน้ากว้างแล้วเวลาสะพายจะได้ไม่เจ็บไหล่มาก และ อีกอย่างคือทนทาน


แอร์แบ็ก --- เอามาทำหน้าที่เป็นซับในของกระเป๋า เนื่องดว้ยความทน


ยางในรถจักรยาน --- เอามาทำเป็นที่เก็บขอบของกระเป๋าเพื่อความเรียบร้อยและทนทาน

--- เอาผ้าใบออกจาก รถบรรทุก
--- กางออก เพื่อตัดสว่นที่ไม่ใช้



--- ซักทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่


---- ตัดตามแพทเทิน


--- เย็บ


--- เสร็จสมบูรณ์พร้อมขาย

ทั้งหมด คือ ส่วนประกอบหลัก ๆ ของกระเป๋าอดทน ใบนี้ ซึ่งแน่นอน ทุกอย่างเป้นการรีไซเคิลเอาของเก่ามาใช้ใหม่ ผสมกัน ได้อย่างน่าใช้ และลงตัว แต่ราคาไม่โดนใจ ???





--------













มารู้จักกับ อาคารสีเขียว หรือ GREEN BUILDING กัน
















อาคารสีเขียวเพื่อสภาวะแวดล้อมการประหยัดพลังงาน GREEN BUILDING มีการกล่าวถึงมานานในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกา เนื่องจากมีสถาปนิกได้ตระหนักว่าการก่อสร้างอาคารได้ส่งผลกระทบมากมายต่อสิ่งแวดล้อม จึงต้องการออกแบบอาคารให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆมาใช้
และในปี 1999 ที่อเมริกา ได้มีการจัดตั้งกลุ่ม WORLD GREEN BUILDING COUNCIL ขึ้น มีสมาชิกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และให้คำนิยามของ GREEN BUILDING ว่าเป็นอาคารที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ประหยัดพลังงานใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ตัวอาคารใช้ประโยชน์จากสภาวะแวดล้อมให้มากที่สุด
จากการตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวบวกกับกระแสความคิดในการออกแบบของสถาปนิกรุ่นใหม่ทำให้เกิด GREEN BUILDING อย่างมากมายทั่วโลก คาดว่าในอี 20 ปีข้างหน้า เฉพาะในจีนจากมี GREEN BUILDING กว่า50,000 อาคาร งั้นลองมาชมผลงาน 10 อาคาร ที่มีความสาวยงามบวกกับแนวคิดแบบ GREEN BUILDING ได้อย่างลงตัว



1. DYNAMIC TOWER
ตึกนี้อยู่ที่ดูไบนะค่ะ ตึกสูงระฟ้าที่เคลื่อนไหวได้ ออกแบบโดย Dr.David Fischer มีความสูง 420 ม. โดยหมุนได้ 80 ชั้น ผลิตพลังงานจากกังหันลมที่มีทุกชั้นได้ เก๋มั้ยหล่ะ



2.WORLD TRADE CENTER TOWER
อยู่ที่บาเรนค่ะ ออกแบบโดย Shaun Killa ดูให้ดี กังหันลมสามอันที่ติดตั้งได้ผลิตไฟฟ้าให้อาคารได้ด้วยนะค่ะ

3.The Pearl River Tower

แน่นอนค่ะตั้งอยู่ที่จีน ออกแบบโดยชาวอเมริ Gorden Gill โครงสร้างคล้ายปีกขนาดใหญ่ ซึ่งมีกรวยล
มอย่ภายในอุโมงค์เพื่อนำลมมาผลิตเป็นไฟฟ้า

4.Bank of America Tower

ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก อเมริกาค่ะ ตึกนี้มีดีตรงที่ใช้วัสดุRecycled ในการก่อสร้าง ใช้ก๊าชธรรมชาติมาผลิตเป็นไฟฟ้าในตึกค่ะ

5.Okhta Tower
ออกแบบโดยสำนักงาน UK RMJM OKHTA TOWER ผิวของตึกที่คล้ายเข็มถูกออกแบบให้ขยายพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งผ่านการทะลุจากภายในอาคาร โดยสามารถเก็บพลังงานความร้อนมาใช้ได้ โดยจะสร้างความอบอุ่นได้เมื่ออากาศเย็น 6.The light house tower

มันคือศุนย์กลางทางการเงินของดูไบค่ะ ผิวหน้าของอาคารติดตั้ง solar panel 400 ชิ้น รวมทั้งกังหันลมขนาดใหญ่ จำนวน 3 อัน ออกแบบโดย Atkins Middle East ค่ะ7.340 on the park

อยู่ในชิคาโก อเมริกาค่ะ เป็นตึกแรกที่ได้รับมาตราฐานในการประเมินสิ่งแวดล้อมของอเมริกา ออกแบบโดย Solomon Cordwell Buenz ค่ะ


8. CIS Tower
อยู่ที่แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษค่ะ เป็นอาคารขององค์กรการประกันพลังงานแสงอาทิตย์ มีแผง solar 7000 แผง และกังหันลม 24 อัน โดยนำไปติดกับตุกเก่าที่มีอยู่แล้วค่ะ




9. The hearst Tower
เป็นอาคารแรกของนิวยอร์ค ที่ได้รับ LEED โดยเกือบ 80% เป็นการนำเอาวัสดุที่ใช้แล้วมาทำใหม่ค่ะ






10.Gwanggyo

งานออกแบบที่มีลักษณะเฉพาะเหมือนภาพวาด เป็นผลงานออกแบบของบริษัทออกแบบของฮอลแลนด์ โครงการตั้งอยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ลักษณะเหมือนเนินเขา เหมือนกับภูมิประเทศที่ตั้งค่ะ







Buri Dubai ตึกที่สูงที่สุดและสิ่งก่อสร้างที่สุดในโลก ( ทำเพื่ออะไร)





Burj Dubai กลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว
รับผิดชอบการก่อสร้างโดยบริษัทจากเกาหลีใต้ ซัมซุง เอนจิเนียริ่ง

เบิร์จดูไบ เริ่มสร้างตั้งแต่ค.ศ. 2005 ออกแบบโดย เอสโอเอ็ม ผู้ออกแบบเดียวกันกับ เซียร์ทาวเวอร์ อาคารที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน และ ฟรีดอมทาวเวอร์ ที่กำลังจะก่อสร้าง โดยสถาปัตยกรรมในส่วนหนึ่งเป็นการผสมผสานกับรูปแบบของสถาปัตยกรรมอิสลาม และในอีกส่วนหนึ่งมีความใกล้เคียงกับงานออกแบบของตึก ดิอิลลินอยส์ ของ แฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ สถาปนิกชาวอเมริกัน

การตกแต่งภายในจะตกแต่งโดย จอร์โจ อาร์มานี โดยเป็นโรงแรมอาร์มานีสำหรับ 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็น อพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นสำนักงาน และชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึก ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่

ตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 ม/วินาที (65 ก.ม./ชม., 40 ไมล์/ชม.) โดยลิฟต์ที่มีความเร็วสูงสุดปัจจุบันอยู่ที่ ไทเป 101 ที่ความเร็ว 16.83 ม/วินาที

สถิติที่เบิร์จ ดูไบครองอยู่ในปัจจุบัน
อาคารที่มีจำนวนชั้นมากที่สุด: 162 (เดิมอาคารเซียร์ -108 ชั้น)
ตึกระฟ้าสูงที่สุดในโลกนับถึงชั้นหลังคา: 546 เมตร วันที่ 27 สิงหาคม 2550 (เดิมอาคารไทเป 101 -449.2 เมตร)
ปั๊มคอนกรีตทางดิ่งที่สูงที่สุดในโลก (สำหรับการสร้างอาคาร) 512.1 เมตร (เดิมอาคารไทเป 101 -439.2 เมตร)
ปล่องลิฟต์ที่ยาวที่สุดในโลก 514 เมตร








สิ่งก่อสร้างอื่นๆที่ดูไบ พยายามเนรมิต ทั้งที่เสร็จแล้ว และยังไม่เสร็จ ด้วยพิษฟองสบู่




เกาะที่ดูเหมือนต้นปาล์มเกาะนี้ ได้มีการนำเทคโนโลยีการขุดลอกแบบใหม่ของเนเธอร์แลนด์มาใช้ เพื่อสร้างเกาะขนาดใหญ่โตเหล่านี้
เกาะเหล่านี้เป็นเกาะเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ เกาะรูปต้นปาล์มเหล่านี้จะสร้างขึ้นด้วยกันสามเกาะ โดยเกาะสุดท้ายจะมีขนาดใหญ่ที่สุด




รีสอร์ตแห่งนี้เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะประกอบด้วยบ้านพักตากอากาศ 2,000 หลัง โรงแรมชั้นหรู 40 โรง โรงภาพยนตร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ คาดว่ารีสอร์ตแห่งนี้จะรองรับประชากรได้ราว 500,000 คน เจ้าของโครงการโฆษณาว่ารีสอร์ตแห่งนี้สามารถเห็นได้จากดวงจันทร์

กลุ่มเกาะโลก : เกาะเทียมจำนวนราว 300 เกาะซึ่งสร้างเป็นรูปร่างแผนที่โลก ประมาณการว่าค่าก่อสร้างเกาะแต่ละเกาะอยู่ที่ 25 ถึง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ




โรงแรม Burj al-Arab ในดูไบ : โรงแรมที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ถือกันว่าเป็นโรงแรม 7 ดาวเพียงแห่งเดียวและเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะเทียมในทะเล




Hydropolis : โรงแรมใต้น้ำแห่งแรกของโลก สร้างขึ้นทั้งหมดในเยอรมนีแล้วจึงนำมาประกอบที่ดูไบ




Trump International Hotel & Tower ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางของเกาะ Palm Jumeirah เกาะหนึ่งในบรรดาเกาะปาล์ม




Burj al Alam หรือหอโลก ( World Tower ) : โรงแรมที่สูงที่สุดในโลก 480 เมตร โรงแรมนี้จะเตี้ยกว่าไทเป 101 เพียง 28 เมตร




Dubailand จะสร้างขึ้นบนเนื้อที่ 3 ล้านตารางฟุต ด้ายมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ฯ ณ ที่ตั้งของ Dubailand จะมีโครงการขนาดยักษ์ 45 โครงการและโครงการระดับรองลงมาอีก 200 โครงการ




Dubai Sports City : สนามกีฬาหลากหลายชนิดกีฬาซึ่งตั้งอยู่ใน Dubailand




Dubai Marina เป็นโครงการซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นล้วน ๆ ซึ่งจะประกอบด้วยตึกระฟ้ามากกว่า 200 หลังเมื่อแล้วเสร็จ
โครงการนี้จะเป็นที่ตั้งของสึ่งก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัยที่สูงที่สุดในโลกหลายแห่งด้วยกัน ในรูปนี้เป็นโครงการเฟสแรกซึ่งสร้างเสร็จแล้ว อาคารสูงอื่น ๆ




ท่าอวกาศยานยูเออี (UAE Spaceport) จะเป็นท่าอวกาศยานแห่งแรกในโลก หากมีการก่อสร้างขึ้น
ข้อมูลอื่น ๆ ระบบรถไฟขนส่งมวลชนดูไบ (Dubai Metro) เมื่อแล้วเสร็จ จะเป็นระบบรถบนรางแบบอัตโนมัติทั้งหมดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ท่าอากาศยานดูไบเวิลด์เซนทรัล ( Dubai World Central International Airport )