วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Burj Khalifa - สิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างบนโลกใบนี้










บูร์จคาลิฟา Burj Khalifa - หอคอยคาลิฟา) เดิมชื่อ บูร์จดูไบ (อังกฤษ: Burj Dubai - หอคอยดูไบ) เป็นตึกระฟ้าสูงยวดยิ่ง ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และเปิดให้ใช้ได้อย่างเป็นทางการ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาขนาดยักษ์มีที่ตั้ง ณ "ชุมทางเชื่อมต่างระดับที่ 1" ของถนนชิค ซาเยดและถนนโดฮา

ณ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2551 ตัวอาคารได้ก่อสร้างขึ้นสูงถึง 629 เมตร ด้วยการแซงหน้า เสา KVLY-TV ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งสูง 628.8 เมตร กลายมาเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแล้ว และในปัจจุบันสูงกว่า 828 เมตร

บูร์จคาลิฟาออกแบบโดยสถาปนิก เอเดรียน สมิธ สถาปนิกจากชิคาโก จากสำนักงานสถาปนิก เอสโอเอ็ม (SOM - สคิดมอร์ โอวิงส์ แอนด์ เมอร์ริลล์) โดยมีจอร์จ เอฟสตาทิวแห่งเอสโอเอ็มเป็นผู้บริหารโครงการ เอเดรียน สมิทที่เคยอยู่กับเอสโอเอ็มมาก่อนเป็นผู้ร่วมออกแบบ วิศวกรโครงสร้างของตึกคือบิลล์ เบเกอร์[5] โดยมีบริษัทออกแบบภายนอกชื่อ ซีบีเอ็ม เอนจิเนียร์ได้รับการว่าจ้างเป็นผู้กำกับดูแล (Third Party Peer Review) โดยมีความสูงประมาณ 818 เมตร และเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ตัวตึกได้ทำสถิติกลายมาเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมีความสูงถึง 546 เมตร แซงตึกไทเป 101 เรียบร้อย (สูงกว่าตึกไทเป 101 ประมาณ 97 เมตร และสูงกว่าอาคารใบหยก 2 218 เมตร)

ในดูไบยังมีโครงการก่อสร้างตึกในชื่อว่า อัลบูร์จ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบและวางแผน โดยความสูงยังคงถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน โดยประมาณการว่าจะมีความสูงถึง 1,400 เมตร

เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553 ได้มีพิธีเปิดอาคารอย่างเป็นทางการ และเปลี่ยนชื่ออาคารจาก "บูร์จดูไบ" เป็น "บูร์จคาลิฟา" เพื่อเป็นเกียรติแก่ชีกห์คาลิฟา บิน ซาเอด อัล นาห์ยัน เจ้าผู้ครองนครอาบูดาบี และประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์


การออกแบบ
บูร์จคาลิฟาออกแบบโดย เอสโอเอ็ม ผู้ออกแบบเดียวกันกับ เซียร์ทาวเวอร์ อาคารที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน และ ฟรีดอมทาวเวอร์ ที่กำลังจะก่อสร้าง โดยสถาปัตยกรรมในส่วนหนึ่งเป็นการผสมผสานกับรูปแบบของสถาปัตยกรรมอิสลาม และในอีกส่วนหนึ่งมีความใกล้เคียงกับงานออกแบบของตึก ดิอิลลินอยส์ ของ แฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ สถาปนิกชาวอเมริกัน

การตกแต่งภายในจะตกแต่งโดย จอร์โจ อาร์มานี โดยเป็นโรงแรมอาร์มานีสำหรับ 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็น อพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นสำนักงาน และชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึก ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่

ตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 ม/วินาที (65 ก.ม./ชม., 40 ไมล์/ชม.) โดยลิฟต์ที่มีความเร็วสูงสุดปัจจุบันอยู่ที่ ไทเป 101 ที่ความเร็ว 16.83 ม/วินาที

1 ความคิดเห็น:

  1. นี่ก็อีกงาน...ยอมรับความสร้างสรรค์และความพยายามของมนุษย์ครับ

    ตอบลบ