วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การออกแบบแสงสว่าง(ตอนที่1)

เริ่มเลยนะ
แสงสว่างมีอิทธิผลต่อประสิทธิภาพในการมอง และภาพของทุกๆสิ่งที่เรามองเห็น ไม่ว่าจะเป็นความคมชัด สีสันที่สวยสด หรือสีที่ถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน ตลอดจนความรู้สึกซึ่งได้รับจากการมองเห็นแสงสีตามหลักจิตวิทยา ดังนั้นคุณภาพของแสงจึงเป็นสิ่งที่สถาปนิก และดีไซน์เนอร์ต้องคำนึงถึงมากในการออกแบบสถาปัตยกรรม และออกแบบตกแต่งภายใน

แสงคืออะไร
แสงเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านะ โดยที่มนุษย์เราจะมองเห็นแค่ในช่วงความยาวคลื่น หรือสเปคตรัม ตั้งแต่ รังสีอัลตราไวโอเลตถึง รังสีอินฟราเรด หรือตั้งแต่ สี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ครับ

รูปจาก http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5/5f/Spectrum4websiteEval.png

ดังที่เรารับทราบตั้งแต่ ส.ป.ช. ประถม5ว่า มนุษย์เรามองเห็นได้จาก การที่แสงจากแห่งกำเนิด ส่องไปที่วัตถุแล้วสะท้อนเข้าสู่ลูกกระตาของเรา ทำให้เรามองเห็นวัตถุนั้นๆ เพราะฉะนั้นถ้าำไม่มีแสงก็ไม่เห็นวัตถุ
สีของสิ่งต่างๆที่เรามองเห็นจึงเิกิดจากทั้งสีของแสง และสีของวัตถุนั้นๆเป็นตัวแปร แสงสีขาวส่องวัตถุสีแดง วัตถุสีแดงก็ดูดซับสเปคตรัมสีอื่นๆไ้ว้ สะท้อนแต่สเปคตรัมสีแดงออกมาจึงเห็นเป็นสีแดง ถ้าแสงสีแดงส่องวัตถุสีขาวก็จะสะท้อนสีแดงให้เราเห็น แล้วสีดำหละ ดูดซับทุกๆสเปคตรัมเลย สีดำอยู่กลางแดดจึงร้อนเพราะดูดพลังงานไปมาก

คุณสมบัติหลักของแสงมีด้วยกันดังนี้ (ไม่ครบแต่เอาแค่พอเข้าใจง่ายนะ)
กำลังของแสง (luminous flux:lumen) เข้าใจง่ายๆว่าเป็นพลังงานหรือกำลังแสง มีหน่วยเป็นลูเมน มักใช้อธิบายถึงกำลังของแสงที่ส่งออกมาจากหลอดไฟ และใช้อธิบายประสิทธิภาพของหลอดได้ด้วย ว่าใช่ไฟกี่วัตต์ได้แสงกี่ลูเมน ดูตัวอย่าง ได้แสงลูเมนมากแต่ใช้กำลังวัตต์น้อยก็แปลว่าประหยัดไฟ
ตัวอย่าง
หลอดฟลูออเีรนเซนต์ 36 w ให้กำลังแสง 1680 lumen ใช้ไฟฟ้ากี่วัตต์และได้แสงกี่ลูเมนหาได้โดย เอากำลังไฟฟ้าที่มีหน่วยเป็น watt ที่ใส่เข้าไปในหลอดไฟหารด้วยกำลังแสงที่ส่งออกมาจากหลอดไฟ (lumen/watt) ลองหารดูจะได้ 47lumen/wattครับ หลอดใส้ incandescent ใช้ไฟฟ้า 100w จะได้แสงประมาณ 780lumen หรือ 7.8lumen/watt ดังนั้นหลอดฟูลออเรสเซนต์ แค่36w ได้แสงมากกว่าตั้งเกือบ 2เท่า หรือประหยัดไฟกว่า 6 เท่าแหนะ

ทิศทางของแสง อันนี้เข้าใจง่าย และนี้แหนะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราเลือกใช้โคมไฟที่มีโคมสะท้อนแสง(reflector)แตกต่างกัน ก็ไปตามทิศทางของแสงที่ต้องการไง

ความเข้มแสง (luminous intensity) คือปริมาณกำลังแสง lumen ที่ส่องสว่างมาในทิศทางหนึ่งๆ มีหน่วยเป็นแคนเดอลัส candela (cd)

ความสว่าง (illuminance) อันนี้สำคัญ เพราะมักใช้อธิบายบ่อยในการออกแบบ โดยที่กิจกรรมต่างๆนั้นมีความต้องการความสว่างไม่เท่ากัน ดูัตัวอย่าง สถาปนิก หรือดีไซน์เนอร์จึงต้องกำหนดปริมาณดวงโคม กำลังแสง หรือช่องแสงธรรมชาติ ตามความเหมาะสมของฟังก์ชั่นในแต่ละพื้นที่
ตัวอย่าง การเขียนแบบต้องการความสว่างประมาณ 400 lux มากกว่าการรับประทานอาหารที่ต้องการแสง เพียง 120-180lux เท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรเขียนงานไป กินข้าวไป!

แสงสี (colour appearance) ก็คือสีของแสงที่เรามองเห็นเมื่อแสงนั้นตกกระทบวัตถุ เกิดจากแสงนั้นมีความยาวคลื่นเฉพาะสีนั้นๆ แต่แสงธรรมชาติหรือแสงขาวมีหลายช่วงคลื่นผสมกันจึงเป็นสีขาว (สีขาวเหลืองหรือ warm white ก็คือมีแสงครบทุกสเปคตรัม แต่หนักไปทางสีเหลืองหรือแดง) แสงสีอาจได้จากหลอดไฟแสงสีขาวแต่มีฟิลด์เตอร์สีไปบังไม่ให้สเปคตรัมของแสงช่วงอื่นๆผ่านมาได้ เหลือแต่เฉพาะสีที่เป็นสีเดียวกับฟิลด์เตอร์ลอดออกมา จึงได้แสงสีนั้นๆ
โดยมากแสงสีมักพบได้ใน เธค หรือสถานบันเทิงที่ใช้แสงสลัวๆ มิใช่ว่าเจ้าของผับต้องการประหยัดไฟ หรือปิดบังใบหน้าใคร แค่มันทำให้เราเห็นแสงสีได้ง่ายขึ้น จะได้ตื่นเต้น

คุณภาพของแสงสี(colour rendering index) คือคุณสมบัติของแสงที่สามารถเผยสีทีแท้จริงของวัตถุได้ (แล้วอะไรคือสีที่แ่ท้จริงหละ ไหนจะแสงก็มีสี วัตถุก็มีสี) ดังที่เรารู้ว่าแสงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าตาเราจึงจะมองเห็น ดังนั้นถ้าแสงของเรามีทุกๆสเปคตรัม คือมีทุกสีอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเอาแสงนั้นไปส่องกระทบสิ่งใด ก็จะสามารถสะท้อนสีของสิ่งนั้นๆออกมาได้ทั้งหมด ส่วนจะเป็นสีที่แท้จริงไม่เพี้ยนนั้นจะต้องนำไปเทียบกันสีของวัตถุที่เรามองเห็นด้วยแสงธรรมชาติฟ้าใสยามเที่ยงครับผม

วันนี้ขอจบเลคเชอร์เรื่องแสงเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ คราวหน้าค่อยมาคุยกันต่อเรื่อง ดวงโคม หลอดไฟชนิดต่างๆ และเทคนิคการออกแบบในทางสถาปัตยกรรม และอินทีเรียครับ

จาก จานก้อง เลคเชอร์ 101

อ่านเพิ่มเติมจาก http://th.wikipedia.org/wiki/แสง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น