วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

การเมืองไทยวันนี้ หาความสุขได้ไม่ยาก




คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ การเมือง ที่คนไทยต้องประสบกับเรื่องราวและความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่หนักหน่วงมาโดย ตลอด ตั้งแต่กระผมเริ่มจำความได้จนกระทั้งถึงปัจจุบัน สิบกว่าปีที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ความรู้สึก และอารมณ์ ของคนไทยทุกๆคนเป็นอย่างมาก เฉพาะแค่บุคคลต่างๆที่อยู่รอบตัวของกระผมเองก็ได้รับผลกระทบนี้โดยตรงไม่มาก ก็น้อย ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และเพื่อนๆที่ำทำงาน ทั้งที่อยู่ในเมืองไทยและต่างประเทศ ทั้งหัวสมัยใหม่และอนุรักษ์นิยม ทั้งสีแดงและสีเหลือง หรือจะสีอะไรก็ตาม ทั้งนี้ผมเชื่อได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบในแง่ลบ!!!


ตั้งแต่ ปรากฎการณ์ ปลาไหลใส่สเก็ต เสียบเพื่อชาติ(ไม่ใช่เพื่อชาติเราแน่ๆ มัีนเสียบเพื่อชาติ(มัน)ชั่ว), ปล่อยบาทลอยตัวคนไทยเจ๊งทั้งประเทศเป็นหนี้ล้านล้าน แลกกับกรูรวยขึ้นหลายหมื่นล้านช่วงข้ามคืน, เกิดวลีฮิตติดปาก "รู้ไหม กูลูกใคร", การว่าจ้างพรรคการเมืองมาลงเลือกตั้ง(ทำทุกอย่าง เพื่ออำนาจกรู), คนไทยแตกแยกเป็นสองฝ่าย ฆ่ากันเองเืพราะคนๆเดียว, ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ใช้นายกฯเปลืองที่สุด ปีเดียวเปลี่ยน 4 คน, เกิดปรากฎการณ์ดึงฟ้าต่ำ จาบจ้วงสถาบันอย่างไม่เคยมีมาก่อน, นำชื่อประชาชนเป็นล้านมาขอฏีกาให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท"พ่ออยู่หัวของทุกๆคน"เพื่อนักโทษหลบหนีคดีคนเดียว, และอีกหลายต่อหลายเรื่องพูดไม่ครบในคราวเดียว จำไม่หมดเพราะมากเรื่องเหลือเกิน


ความทุเรศของการเมือง มันอยู่ึคู่กับสังคมไทยมาจนช้านาน และสั่งสมหมักหมม เสียจนเน่าเฟะน่าสะอิดสะเอียน โดยมีนักเล่นการเมืองเป็นตัวชูโรงสร้างชื่อเสียงให้สถาบันตนเองเป็นมาตราฐาน ของความจัญไรมาโดยตลอด

ความเครียด โกรธ เกลียด ไม่สบายใจ ความรู้สึำำกว่าำมีความไม่ยุติธรรมในสังคม ถูกอำนาจที่มองไม่เห็น บังคับ ขืนใจ ถูกริดรอนสิทธิ ถูกเอาเปรียบ ถูกรังแก ถูกใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะเกิดจากอารมณ์นำพา หรือแม้กระทั้งเหตุผลและหลักการนำไป ก็ล้วนแต่จะทำให้เกิดความทุกข์ทั้งสิ้น

ดัง สัจจะธรรมที่ว่า "รู้เท่าทันอารมณ์ ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยมิจฉาทิฐิ เราก็ไม่เกิดทุกข์" แต่จะมีซักกี่คนกันที่ทำได้ ผมละคนหนึ่งที่ยังทำไม่ได้เสียที

ผมอยากเสนอวิธีไม่ทุกข์ที่ง่ายกว่า นั้น(แต่ก็อาจจะไม่ง่ายสำหรับบางคนที่มีทิฐิเยอะ) คือลองมองเรื่องต่างๆในมุมมองที่แตกต่างจากเดิมบ้าง ก็ทำให้เราคลายทุกข์ได้

ถ้า ทุกคนลองคิดดูอีกแง่มุมหนึ่งก็จะเห็นว่า ประชาธิปไตยและการเมืองไทยนั้นได้เดินทางมาถึงอีกจุดหนึ่ง ผ่านหัวเลี้ยวหัวต่อ ผ่านปัญหา อุปสรรค ต่างๆมากมาย เกิดเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ให้คนรุ่นนี้ได้เรียนรู้และหาทางอยู่รอดกัน เกิดเป็นปัญญาและภูมิต้านทานต่อความเน่าทางการเมือง(เพราะชาชิน) และให้คนรุ่นหลักได้เป็นกรณีศึกษาเล่าขานกันต่อไป

ดังเช่นมีคนเคยกล่าวไว้ว่า
"ความลำบากแสนสาหัส ยิ่งมากเท่าำไรก็ตาม ถ้ามันไม่ฆ่าเรา มันก็จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น"

คิดได้แล้วก็เป็นสุขใจ!??!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น