วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สถาปนิกนั้น สร้างสรรค์อะไร?

ฟังดูเผิน ๆ แล้วคำถามนี้ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ฟังดูแล้วงี่เง่า เพราะสถาปนิกก็ต้องสร้างอาคารบ้านเรือนอยู่แล้ว แต่หากคุณมองลึกไปกว่านั้นแล้ว คุณจะเห็นว่าคำตอบนั้นมันลึกซึ้งและมีความหมายมากกว่าที่คิด

ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน (Ralph Waldo Emerson) มีชีวิตอยู่ในช่วง 1803-1882 เขาเป็นทั้งนักเขียน นักปรัชญา และนักกวีซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เขาได้กล่าวถึงสถาปัตยกรรมของกรีก ว่า “มันเต็มไปด้วยรูปทรงทางเรขาคณิต” แปลได้ว่า เอเมอร์สัน กำลังพูดถึง ความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมกรีกและความเชี่ยวชาญในเรื่องรูปร่างและรูปทรงของผู้ออกแบบ


แอนน์ หลุยส์ แชร์แมง เดอ สเตล
(Anne Louise Germaine de Stael) มีชีวิตอยู่
ในช่วง 1766-1817 เธอเป็นนักประพันธ์ชาวสวิสที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก อาศัยอยู่ในปารีสและท่องเที่ยวไปตามประเทศต่าง ๆ เธอกล่าวว่า “สถาปัตยกรรมนั้นเปรียบเสมือนบทเพลงที่เยือกเย็นและแข็งกระด้าง” นั่นคือ เธอต้องการจะสื่อว่าสถาปนิกนั้นสร้างสรรค์สิ่งที่กลมกลืนกันกับเสียงเพลง




ฟิลลิป ชาฟ (Philip Schaff) เป็นชาวสวิส ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแตน มีชีวิตอยู่ในช่วง 1819-1893 เขากล่าวว่า “สถาปัตยกรรมคืองานแฮนเมดเพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาหรือทำการอุทิศตน โบสถ์สวย ๆ ก็เปรียบเสมือน คำสอนของพระเจ้าที่แกะสลักลงบนก้อนหิน” จากคำสาธยายทั้งหมดของ เขา พวกเราจะเห็นว่า สถาปัตยกรรมก็เหมือนกับคำสอน ซึ่งเสมือนเป็นข้อความบอกเล่าหรือเรื่องราวต่าง ๆ ให้ได้รู้


และคนสุดท้าย จอห์น รัสคิน (John Ruskin) เขาเป็นนักคิด นักประวัติศาสตร์ศิลปะ
นักวิจารณ์ศิลปะและสังคม ชาวอังกฤษ มีชีวิตอยู่ในช่วง 1819-1900 ได้กล่าวว่า “เพียงแค่ได้มองงานสถาปัตยกรรม มันสามารถส่งเสริมเขาในเรื่องของสุขภาพจิต พลังและความปิติยินดี” นั่นแปลได้ว่าสถาปัตยกรรมก็คือแรงบันดาลใจหรือสิ่งดลใจสำหรับมนุษย์

คำพูดที่ทั้งสี่คนได้บอกพวกเรานั้น แสดงให้เห็นว่า สถาปนิกคือ ผู้ที่สร้างสรรค์รูปร่าง เรื่องราว เสียงเพลง และแรงบันดาลใจนั่นเอง

ต่อไปเราลองมาดูตัวอย่างสัก 2-3 ตัวอย่างในแต่ละอันนะ

เมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่เป็นรูปทรงหรือรูปร่าง อาจจะนึกถึง Frank Gehry ซึ่งเป็นสถาปนิกผู้ที่มีเชื่อเสียงในด้านการผลักดันขีดจำกัด ของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไปจนถึงวิศวกรรมที่ทันสมัยและการออกแบบรูปร่างไปพร้อม ๆ กับการสร้างอนุสาวรีย์ ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ของเขาใน Bilboa,Stata Center หรือ


เมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่บอกเรื่องราวต่าง ๆ นั้น เราอาจจะจะนึกถึง Frank Lloyd wrights Guggenheim museum ซึ่งเมื่อมองจากภายนอก ก็สามารถทำให้เรารู้ถึงการจัดวางภาพแกลลอรี่ที่ขดอยู่ภายในนั้น


หรือ Pompidou center ที่อยู่ในปารีสนั้น สามารถบอกเราในเรื่องของรหัสสีจากภายนอก ซึ่งเกี่ยวกับเครื่องจักรที่กำลังทำงานอยู่ข้างใน นั่นคือทำให้เครื่องจักรนี้ทำหน้าที่เป็นสิ่งก่อสร้างอยู่ภายในนั่นเอง


เมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่เป็นความงามของเสียงดนตรี อาจจะนึกถึง งานก่อสร้างของ Eero Saarinen เขาเป็นผู้ที่ทำงานในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับความทะเยอทะยานตามธรรมชาติ เหมือนกับที่พวกเขาพยายามเต็มที่ ที่จะไปให้ถึงตัวโน๊ตเสียงสูง ๆ หรืออาจจะนึกถึง falling water ของ Frank Lloyd Wrights ที่ผสมผสานเข้ากับธรรมชาติและเกือบจะขับร้องไปกับน้ำตกที่ถูกมันสร้างทับอยู่ข้างบน


และเมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่เป็นสิ่งดลใจ อาจจะนึกถึงโบสถ์ที่สำคัญ ๆ ในยุโรป หรือไม่ก็ตึกสูง ๆ ในบ้านเมืองของเราก็ได้

และในขณะที่บางคนอาจจะคิดว่าสถาปนิกนั้นจะทำงาน เกี่ยวกับการสร้างสรรค์สิ่งก่อสร้าง แต่ตอนนี้คุณรู้เพิ่มขึ้นแล้วว่า การสร้างสรรค์ของสถาปนิกนั้นคือ การสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมที่เป็นมากกว่ากล่องที่มีหน้าต่าง เพราะมันเกี่ยวกับการสร้างสรรค์รูปร่าง สร้างสรรค์เรื่องราว สร้างสรรค์เสียงดนตรีท่วงทำนอง และการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ

ดังนั้น จงเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ เพื่อ จะเป็นผู้ที่ออกแบบสถาปัตยกรรมดีดีให้เกิดขึ้นในอนาคต นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น