วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

" ลูกค้า "

ถ้าไม่เขียนถึงลูกค้าเลย คงเป็นเรื่องที่แปลก เพราะลูกค้ามีส่วนช่วยสนับสนุนค้ำจุน และเติบโหญ่เจริญก้าวหน้า ควบคู่มากับเรา ลูกค้าก็นับว่าเป็นเทพเจ้า เป็นเทวดา สำหรับผมจนถึงทุกวันนี้ ก็มีข้อสรุปในหมู่เทพทั้งหลายนี้ มีทั้ง
"เทพ" ที่ประเสริฐเลิศเลอ
"เทพ" ทีมีคุณธรรม
"เทพ" ที่โกหกมดเท็จ
"เทพ" ที่เอารัดเอาเปรียบ มีสันดานคดโกง
"เทพ" ที่ร่ำรวยมหาศาล แต่ขาดรสนิยม
เป็นสถาปนิกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้ได้ คือ มีสติ ไม่ตื่นเต้น กับความมีบุญญาธิการทั้งหลายของ "เทพ" เหล่านั้น ในวิชาชีพของพวกเรานั้นอย่าหวังว่าจะเอาอะไรมาฟรีๆ โดยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ถึงเขาจะร่ำรวยสักแค่ไหน ถ้าเราจะเอาประโยชน์จากเขา เราต้องทำงาน ต้องเหน็ดเหนื่อย เพื่อแลกกับค่าตอบแทนในรูปของค่าจ้างค่าออกแบบ ลูกค้านั้นมีหลายประเภทจริงๆ จึงมาเหล่าสู่กันฟ้ง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับสถาปนิกรุ่นหลังได้ทราบ เพื่อจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นเพราะวันหนึ่งเส้นทางแห่งวิชาชีพนี้จะต้องได้เจอะเจอแน่นอน

ลูกค้าประเภทที่หนึ่ง เป็นเทพเจ้าที่แท้จริงคนประเภทนี้เข้าใจการทำงานของสถาปนิก เข้าใจขั้นตอนของการประกอบวิชาชีพของสถาปนิก รู้จักการเลือกใช้สถาปนิก รู้ว่าสถาปนิกแต่ละคนมีความชำนาญการไม่เหมือนกัน เคารพในความคิด ในผลงานที่นำเสนอ นอกจากนี้ เขายังเข้าใจในระบบธุรกิจที่ต้องจ่ายค่าบริการวิชาชีพ ลูกค้าประเภทนี้หาได้ยากยิ่งในสังคมไทย ซึ่งขอยกไว้ใน "Hall of fames" ที่ต้องจารึกไว้ตลอดไป

ลูกค้าประเภทที่สอง เป็นผู้ที่พึ่งร่ำรวยขึ้นมาใหม่ๆ เรียกว่า"เศรษฐีใหม่"มีธุรกิจที่ไหลมาเทมา ชนิดที่เรียกว่าต้องเรียกสถาปนิกไปคุยว่าจะเอาเงินมาทำอะไรกันดี ทำอะไรก็แล้แต่ทุกอย่างต้องหรูหราสุดๆ ต้องทันสมัยสุดๆ คำว่าทันสมัยของเขาคือ "ฆ่า" สถาปนิก เพราะสถาปนิกหลายๆ คนเข้าใจผิดไปจากความนึกฝันของลูกค้าประเภทนี้ ไปมาก คำว่า "ทันสมัย" ของเขาก็เป็นเพียงบ้านสไตล์โรมันหลังธรรมดาๆหลังหนึ่งเท่านั้นเอง ลูกค้าประเภทนี้เป็นลูกค้าที่ยากจะเข้าใจ เข้าถึงจิตใจสำนึกของเขาได้ เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง รสนิยมความคิดอ่านก็ยังไม่ได้รับการขัดเกลา ยังตามไม่ทันแก้วแหวนที่มีอยู่มากมายมหาศาล เคารพนับถือหมอดูชินแส มากกว่า "สถาปนิก" ลูกค้าประเภทนี้เป็นประเภทที่ต้องระวังอีกประเภทหนึ่ง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ลูกค้าประเภทนี้ก็ไม่เข้าใจว่ามาใช้สถาปนิกแล้วจำเป็นต้องจ่ายค่าบริการด้วยหรือ บางครั้งก็โบ้ยไปเลยว่าให้ไปเอาเงินค่าแบบกับผู้รับเหมาก็ได้นี่นา

ลูกค้าประเภทที่สาม เป็นกลุ่มของนักการเมือง ข้าราชการตำรวจ ฯลฯ อย่าพึ่งตกใจว่าทุกคนจะไม่ดีไปเสียหมด เพียงแต่หยิบยกมาให้เห็นสัจธรรม ทำความเข้าใจในลูกค้าที่อยู่ในสายของนักการเมือง ข้าราชการ ตำรวจ ฯลฯ เพราะท่านเหล่านี้ ตลอดชีวิตของการทำงานท่านไม่เคยที่จะต้องลงทุน มีแต่คนคอยหยิบยื่นประโยชน์มาให้ จะลงทุนอะไรก็ต้องให้ได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมาอีกเป็นทวีคูณ การที่ต้องจ่ายค่าแบบให้สถาปนิกเป็นเรื่องยากเย็น แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องทำงานกับท่านเหล่านี้ก็ควรรู้จักท่านไว้เสียแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ผิดหวังในภายหลัง

ลูกค้าประเภทที่สี่ เป็นลูกค้าประเภทคุณหญิงคุณนายที่ใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าอยู่ในสังคม มีหน้ามีตาพบเห็นได้ในหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทุกวัน ภาพพจน์ที่ออกมาสู่คนทั่วไปมักเป็นผู้มีจิตใจดี โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือสังคม ทำบุญกุศลไม่เคยขาด แต่เบื้องลึกแล้วลูกค้าประเภทนี้มีชีวิตแวดล้อมด้วยการเสแสร้ง ไม่จิงใจ การใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่ในสังคมแบบลวงๆ เมื่อได้สนทนาด้วยจึงทราบว่าท่านเหล่านี้จิตใจยังหมกมุ่นอยู่ในชีวิตเพ้อๆ ฝันๆ เอาเข้าจริงๆก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรที่แท้จริง พูดจาสับสนเป็นปัญหากับสถาปนิกทุกคนที่เข้าไปทำงานด้วย ท่านเหล่านี้เป็นสตรีที่สูงอายุ เจนโลก มากด้วยประสบการณ์ มีข้าทาสบริวารห้อมล้อมมากมาย จนคิดว่าตัวเองนั้นมีอำนาจ สามารถบงการผู้คนที่เข้ามาติดต่อรับใช้รอบๆ ตัวได้ สถาปนิกก็เป็นกลุ่มวิชาชีพหนึ่งที่มีโอกาสต้องเข้าไปเกี่ยวพันด้วย ถ้ามีโอกาสก็ควรทำความเข้าใจในตัวของท่านเหล่านี้ ต้องใช้จิตวิทยาค่อนข้างสูง ต้องสงบปากสงบคำในบางเวลา ถ้าอดทนได้ก็ทำงานให้สำเร็จได้แน่นอน

ลูกค้าประเภทที่ห้า เป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องนำมาพูดถึง คือ "นักบริหารคลื่นลูกใหม่" หรือเรียกว่า "Young Executive" ก็ได้ ลูกค้าประเภทนี้เป็นลูกค้าอยู่ในวัยหนุ่มสาว อายุประมาณ 25-45 ปีพื้นฐานเป็นคนมีความรู้ดี ด้วยมีโอกาสทางการศึกษามาจากสถาบันชั้นดีระดับโลกนับได้ว่าเป็น
" New Generation" ขององค์กรต่างๆ พ่อแม่เป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นนายทุนผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สถาปิกต้องเข้าไปทำงานกับกลุ่มลูกค้าประเภทนี้ หน้าที่ของสถาปนิกก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ ให้โอกาสที่จะประสานแนวความคิดตางๆ ให้เข้ากันได้ ลูกค้ประเภทนี้ยังขาดประสบการณ์ ในเชิงบริหารจัดการและในเชิงที่จะต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น ใช้ดุลยพินิจของตัวเองมากเกินไปจนอาจเกิดความเสียหายได้ สถาปนิกอาจต้องแสดงบทบาทหน้าที่ ให้คำอธิบายชี้แจ้งให้เข้าใจการแก้ปัญหาต่างๆ มีสถาปนิกอาวุโสมากมายที่ยอมแพ้กับ "Young Executive" รุ่นใหม่เหล่านี้ จนต้องเลิกราวิชาชีพนีไปก่อนเวลาอันควรก็มี

ลูกค้าอีกประเภท ที่ยกให้เป็นประเภท "พิเศษ" เพราะเป็นลูกค้าที่ "ห่มผ้าเหลือง" ลูกค้าประเภทนี้เป็นพระภิกษุ ที่มีความใฝ่ฝันอยากสร้างงานสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าไว้ค้ำจุนโลก ไว้เป็นมรดกของชาติ ของลูกหลานต่อไปในวันข้างหน้า สถาปนิกต้องตั้งสติให้ดี พินิจพิจารณาลูกค้าพระภิกษุรูปนั้นให้ถ่องแท้ว่าจริงๆ นั้นท่านมีเจตนาอะไร เป็นประเภทสร้างโครงการขึ้นมาเพื่อนำไปหารายได้เรี่ยไรชาวบ้าน หรือท่านมีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะทำนุบำรุงศาสนาสร้างศาสนสถานให้เป็นที่สักการะบูชา เมื่อพบลูกค้า เช่นนี้ ขอให้ใช้เวลาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว

1 ความคิดเห็น:

  1. ฮืมม... กลั่นจากประสบการณ์ของผู้รู้ในวงการจริงๆ

    ตอบลบ