วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก: วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet) อันดับเมื่อนานมาแล้ว


ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก: วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet)


มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์ (เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า)
ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า : จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง


มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน

มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน

มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน

มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่มีใครจะมากำหนดได้ว่าคุณเป็นคนรวยหรือคนจน นอกเสียจากตัวเราเอง

    คนมีเงินเป็นแสนล้านแต่ยังเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ปกปิดฐานะ บิดเบือนกฎหมาย คดโกงประเทศชาติ และยังเคยออกมาพูดว่าตัวเค้านั้นจน อยู่อย่างลำบาก มีเงินไม่พอใช้ ผมคิดว่าเค้าพูดถูก เพราะในใจเค้าคนนั้น"ยากจนข้นแค้นจริงๆ" มีเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่มจักพอ ต่อให้เค้าคนนี้มีมากแค่ไหน ก็จะต้องเบียดเบียนตัวเองและคนอื่่นๆเรื่อยไป

    แต่คนบางคน เพียงแค่มีพอกินพอใช้ และสามารถแบ่งปันให้กับผู้อื่นได้ ด้วยใจเอื้อเฟื้อเมตตา ต่อให้เค้ามีน้อยแค่ใหน ในใจของเค้านั้นก็อิ่มเป็นสุขเสมอ คนเช่นนี้ใครๆก็นับถือว่ารวยน้ำใจ

    ชาติตะวันตกเอาดัชนีชี้วัด มาบอกว่านี่เป็นประเทศร่ำรวย นี่เป็นประเทศยากจน ด้วยมาตราฐานอะไร ก็ด้วยความคิดรวยจนแบบวัตถุนิยม บริโภคนิยมของเขาหละสิ แล้วเราหละ อยากจะให้คนอื่นมาำกำหนดชีวิตเราไหม ถ้ารวยแล้วมีความสุขจอมปลอมแบบเค้า มีเท่าไรไม่รู้จักพอ มีมากๆแล้วพอไม่มีก็ฆ่าตัวตาย มันดีนักหรือไง ถ้ารวยในสายตาเค้าแล้วต้องมีชีวิตไม่รู้จักอิ่ม ขอไม่รวยดีกว่า

    อย่าสนใจว่าใครจะบอกสถานะเราว่า รวย จน อย่างไร มันเป็นเรื่องของเราว่าเรารู้จักความพอดีไหม รู้จักพอก็ไม่จน เรามีพอให้ พอแบ่งบันผู้อื่นไหม ทำได้ก็ถือว่ารวยคือมีมากเกินพอ

    วอร์เรน คือ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เขามีความพอเพียงในการดำเนินชีวิต สถานะทางการเงินสำหรับเขาเป็นเพียงเครื่องพิสูจน์ความสามารถและความสำเร็จ
    ความยิ่งใหญ่ของเค้านั้นไม่ใช่เพราะการเป็นมหาเศรษฐี่อันดับโลก แต่เพราะการที่เขาเป็นผู้ให้และเป็นผู้ทีทำให้มหาเศรษฐีต่างๆในโลกรู้จักที่จะเอื้อเฟื้อเพื่อแผ่แก่ผู้อื่น อีกทั้งความสามารถในการลงทุนของเขา ยังทำให้คนในวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลก ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของการลงทุนอย่างนักลงทุนที่มีเหตุผล ไม่ใช่การเก็งกำไรดังคนโลภที่บ้าคลั่ง

    ตอบลบ