สถาปัตยกรรมขอม บนภูเขาสูง ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นโบราณสถานที่มีความงดงาม โดเด่นอยู่เหนือ เทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งกั้นพรมแดน ระหว่าประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 657 เมตร อยู่ในเขตการปกครองของ อำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา เดิมปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในเขตการปกครองของประเทศไทย ขึ้น อยู่กับบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ (ค.ศ.1899,ร.ศ.- 118 เมื่อ พ.ศ. 2442) พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้ทรงค้นพบ พระองค์ได้จารึก ร.ศ. และพระนามไว้ที่บริเวณชะง่อนผา เป้ยตาดีว่า 118 สรรพสิทธิ จากนั้นอีก 60 ปีต่อมา ประเทสกัมพูชา (นำโดย สมเด็จเจ้านโรดมสีหนุ) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลโลก เพื่อเรียกร้องอำนาจอธิปไตย เหนือปราวาทเขาพระวิหารคืน (ยื่นฟ้องทั้งมหด 73 ครั้ง) ต่อมาศาลโลกได้ ตัดสินให้อธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชาด้วย คะแนน 9 ต่อ 3 เสียง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 นับเป็นการเสียดินแดน ครั้งสุดท้ายของประเทศไทย โดยบริเวณดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ผลการตัดสินของศาลโลก มีข้อกำหนด 3 ประการ คือ 1. ให้คืนเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ 2. ให้คืนวัตถุโบราณจำนวน 50 ชิ้น 3. ให้ถอนทหารและตำรวจออกจากพื้นที่ ลักษณะสำคัญของปราสาทเขาพระวิหาร บันไดดินด้านหน้าของปราสาท บันไดดินด้านหน้าเป็นทางเดิน ขึ้นลงขนาดใหญ่ อยู่ทางทิศเหนือของตัวปราสาท ลาดตามไหล่เขา บางชั้น สกัดหินลงไปในภูเขา มีขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 75.50 เมตร มีจำนวน 162 ขั้น สองข้างบันไดมีฐานสี่เหลี่ยมตั้งเป็นกระพัก (กระพักแปลว่า ไหล่ เขาเป็นชั้นพอพักได้) ขนาดใหญ่เรียงรายขึ้นไป ใช้สำหรับตั้งรูปสิงห์ทวาร- บาล (ทะ-วา-ละ-บาน) เพื่อเฝ้าดูแลรักษาเส้นทาง สะพานนาคราช สะพานนาคราช หรือ ลานนาคราช อยู่ทางทิศใต้ ของบันไดหินด้านหน้า ปูด้วยแผ่นหินเรียบ มีขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 31.80 เมตร สองข้างสะพานนาคราชสร้างเป็นฐานเตี้ย ๆ บนฐานมี นาค ราช 7 เศียร จำนวน 2 ตัว แผ่พังพานหันหน้าไปทางทิศเหนือ ลำตัวอยู่บน ฐานทั้งสอง ทอดไปทางทิศใต้ ส่วนหางของนาคราชชูขึ้นเล็กน้อย นาคราช ทั้งสองตัว เป้นนาคราชที่ยังไม่มีรัศมีเข้ามา ประกอบมีลักษณะคล้าย ๆ งู ตามธรรมชาติ เป็นลักษณะของนาคราชในศิลปะขอม แบบปาปวน โคปุระ ชั้นที่ 1 โคปุระชั้นที่ 1 สร้างเป็นศาลาจตุรมุข รูปทรงกากบาท ไม่มีฝาผนังกั้น มีแต่บันไดและซุ้มประตูทั้ง 4 ทิศ สร้างอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม- ย่อมุมบันไดทางขึ้นโคปุระ ชั้นที่ 1 ทางทิศเหนือ เป็นบันไดหินมีลักษณะค่อน ข้างชัน เนื่องจากมีความเชื่อกันว่าการที่จะเข้าเฝ้าเทพนั้นจะไปด้วยอาการ เคารพนพนอบในลักษณะหมอบคลานเข้าไป ทางทิศตะวันออกของโคปุระ ชั้นที่ 1 มีเส้นทางขึ้นคล้ายบันไดหน้าแต่ค่อนข้างชัน และชำรุดหลายตอน เป็นเส้นทางขึ้น-ลง ไปสู่ประเทศกัมพูชา เรียกว่าช่องบันไดหัก ทางดำเนิน ด้านทิศใต้ของโคปุระชั้นที่ 1 มีลักษณะเป็นทางเดินขนาด ใหญ่ ปูด้วยหินศิลาทรายกว้าง 11.10 เมตร ยาว 275 เมตร บนขอบทั้งสอง ข้างของทางดำเนินทำเป็นเขื่อนยกสูงขึ้นเล็กน้อย บนสันเขือนทั้งสองข้างปักเสา ศิลาทรายข้างละ 2.15 เมตร สระสรง สระสรงทางด้านทิศตะวันออกของทางดำเนินห่างออกไป 12.40 เมตร จะพบสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้าง 16.80 เมตร ยาว 37.80 เมตร กรุด้วนท่อนหินเป็นชั้น ๆ มีลักษณะเป็นขั้นบันได เรียกว่าสระ สรงกล่าวกันว่าใช้สำหรับเป็นที่ชำระร่างกายก่อนที่จะกระทำพิธีทางศาสนา โคปุระ ชั้นที่ 2 โคปุระชั้นที่ 2 สร้างเป็นศาลาจตุรมุข มีกำแพงด้านทิศ ใต้เพียงด้านเดียว อยู่บนไหล่เขาทางทิศเหนือของปุระชั้นที่ 2 บริเวณพื้นราบ ของเส้นทางดำเนิน และสองข้างทางขึ้นลงของบันได จะพบรอยสกัดลงในพื้น ศิลา มีลักษณะเป็นหลุมกลม ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณฟุตเศษ ๆ เป็นหลุม สำหรับใส่เสา เพื่อทำเป็นปะรำพิธี โดยมีประธานในพิธีนั่งอยู่ในปะรำพิธีเพื่อ ดูการร่ายรำบนเส้นทางดำเนิน โคปุระ ชั้นที่ 3 (ปราสาทหลังที่ 1) โคปุระชั้นที่ 3 เป้นโคปุระ หลังที่ใหญ่โตมโหฬาร ที่ยังสมบูรณืที่สุด ลักษณะการสร้างคล้ายกับโคปุระชั้นที่-1, 2 แต่ผิดตรงที่มีฝาผนังกั้นล้อมรอบความใหญ่โตมากว่าเยอะ(ถ้ามีฝาผนัง กั้นหรือกำแพงแก้วล้อมรอบ) นักโบราณคดีเรียกว่า ปราสาท โคปุระ ชั้นที่ 4 (ปราสาทหลังที่ 2) โคปุระชั้นที่ 4 หลังนี้ผุพังมากเนื่องจากกาลเวลาแผ่นดินทรุด ดคปุระ ชั้นที่ 4 นี้ ประกอบด้วยหลายส่วน และจะมีตัวหนังสือขอมโบราณสลักลงในแผ่นศิลาบริเวณกรอบประตูด้านทิศเหนือ ของปรางค์ประธาน บริเวณข้าง (ภายใน) จะสร้างบรรณาลัยไว้(หรือบรรณา- รักษ์) ซึ่งแปลว่าห้องสมุด สร้างไว้เพื่อเก้บคำภีร์ทางศาสนา เป้ยตาดี เป้ยเป็นภาษาเขมร ซึ่งแปลว่า ชะง่อนผา หรือโพงผา ตรงยอดเป้ยตาดีสูงกว่าระดับน้ำทะเล 657 เมตร ถ้าวัดจากพื้นที่เชิงเขาพื้นราบฝั่งประ- เทศกัมพูชาสูงประมาณ 447 เมตร ตรงชะง่อนผาเป้ยตาดี จะมีรอยสักพระ หัตย์ของ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ว่า 118- สรรพสิทธิ แต่ก่อนมีธงไตรรงค์ของไทยอยุ่ที่ บริเวณผาเป้ยตาดี ในปัจจุบัน คงเหลือแต่ฐานไตรรงค์ :ข:) ตบท้ายด้วยสาวงามจากดินแดนอีสานใต้ | |
ที่มา http://www.baanmaha.com/community/thread36880.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น