แผ่นดินไหวคืออะไร
เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิต และทรัพย์สินของมนุษย์ได้เป็นบริเวณกว้าง เชื่อกันว่าทุกประเทศได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ปัจจุบันพบว่ามีความพยายามอย่างมากในหลายประเทศ ซึ่งได้รับอันตรายจากแผ่นดินไหว ศึกษา และทำความเข้าใจถึงกลไกของการเกิดแผ่นดินไหว เพื่อการพยากรณ์แผ่นดินไหว และทำนายเหตุการณ์ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใด? ที่ไหน? ขนาดเท่าใด? แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่มีผู้ใดสามารถ พยากรณ์แผ่นดินไหวได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเผชิญภัยแผ่นดินไหว คือการเตรียมพร้อมที่ดี แต่ละประเทศควรมีมาตรการในการป้องกัน และบรรเทาภัยแผ่นดินไหวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติของแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว รอยเลื่อนต่าง ๆ ให้ความรู้ และข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหวต่อประชาชน ให้มีการแบ่งเขตแผ่นดินไหวตามความเหมาะสมของความเสี่ยงภัย ออกกฎหมายให้อาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สามารถรับแรงแผ่นดินไหวตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่เสี่ยงภัย มีการวางแผนการจัดการที่ดี หากเกิดความเสียหายร้ายแรงหลังการเกิดแผ่นดินไหว เป็นต้น ในกรณีของประเทศไทย แม้ว่าตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิประเทศ จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวต่ำ แต่เพื่อความไม่ประมาท กรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมมาตรการข้างต้นโดยมีภารกิจในการตรวจวัดแผ่นดินไหวตลอด 24 ชั่วโมง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศเป็นประจำ ตลอดจนวางแผนจัดตั้งโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสาธารณชนได้
แผ่นดินไหว เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ เกิดจากการเคลื่อนตัวโดยฉับพลันของเปลือกโลก ส่วนใหญ่ แผ่นดินไหวมักเกิดตรงบริเวณขอบ ของแผ่นเปลือกโลกเป็นแนวแผ่นดินไหวของโลก การเคลื่อนตัวดังกล่าว เกิดขึ้นเนื่องจากชั้นหินหลอมละลาย ที่อยู่ภายใต้เปลือกโลก ได้รับพลังงานความร้อนจากแกนโลก และลอยตัวผลักดันให้เปลือกโลกตอนบนตลอดเวลา ทำให้เปลือกโลกแต่ละชิ้นมีการเคลื่อนที่ในทิศทางต่าง ๆ กันพร้อมกับสะสมพลังงานไว้ภายใน บริเวณขอบของชิ้นเปลือกโลกจึงเป็นส่วนที่ชนกันเสียดสีกัน หรือแยกจากกัน หากบริเวณขอบของชิ้นเปลือกโลกใด ๆ ไม่ผ่านหรืออยู่ใกล้กับประเทศใดประเทศนั้น ก็จะมีความเสี่ยงต่อภัยแผ่นดินไหวสูง เช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศอินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น นอกจากนั้นพลังที่สะสมในเปลือกโลก ถูกส่งผ่านไปยังเปลือกโลกพื้นของทวีป ตรงบริเวณรอยร้าวของหินใต้พื้นโลกหรือที่เรียกว่า "รอยเลื่อน" เมื่อระนาบ รอยร้าวที่ประกบกันอยู่ได้รับแรงอัดมาก ๆ ก็จะทำ ให้รอยเลื่อนมีการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลันเกิดเป็น แผ่นดินไหวเช่นเดียวกัน
วัน เดือน ปี | บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว |
3 มีนาคม 2528 | ประเทศชิลี ขนาด 7.8 ริคเตอร์ คนตาย 146 คน |
19-21 กันยายน 2528 | ประเทศแม็กซิโก ขนาด 8.1 ริคเตอร์ คนตาย 4,000 คน |
5-6 มีนาคม 2530 | ประเทศเอกวาเดอร์ ขนาด 7.3 ริคเตอร์ คนตาย 4,000 คน |
20 สิงหาคม 2531 | พรมแดนอินเดีย-เนปาล ขนาด 6.4 ริคเตอร์ คนตาย 721 คน |
6 พฤศจิกายน 2531 | พรมแดนจีน-พม่า ขนาด 7.3 ริคเตอร์ คนตาย 1,000 คน ไร้ที่อยู่ 27,000 คน |
7 ธันวาคม 2531 | พรมแดนตุรกี-รัสเซีย ขนาด 6.2 ริคเตอร์ คนตาย 25,000 คน บาดเจ็บ 19,000 คน |
22 มกราคม 2532 | ประเทศรัสเซีย ขนาด 5.3 ริคเตอร์ คนตาย 274 คน |
1 สิงหาคม 2532 | ที่ไอเรียน ขนาด 6.0 ริคเตอร์ คนตาย 90 คน |
17 ตุลาคม 2532 | อ่าวซานฟรานซิสโก ขนาด 6.9 ริคเตอร์ คนตาย 62 คน |
30 พฤษภาคม 2533 | ประเทศเปรู ขนาด 5.5 ริคเตอร์ คนตาย 135 คน |
20 มิถุนายน 2533 | ภาคตะวันตกของประเทศอิหร่าน ขนาด 6.3 ริคเตอร์ |
16 กรกฎาคม 2533 | ประเทศฟิลิปปินส์ ขนาด 7.7 ริคเตอร์ คนตาย 1,000 คน |
31 มกราคม 2534 | พรมแดนปากีสถาน-อัฟกานีสถาน ขนาด 6.8 ริคเตอร์ คนตาย 300 คน |
5 เมษายน 2534 | ตอนเหนือประเทศเปรู ขนาด 6.5 ริคเตอร์ คนตาย 60 คน |
19 ตุลาคม 2534 | ตอนเหนือของประเทศอินเดีย ขนาด 6.5 ริคเตอร์ คนตาย 2,000 คน |
13 มีนาคม 2535 | ประเทศตุรกี ขนาด 6.2 ริคเตอร์ คนตาย 479 คน บาดเจ็บ 2,000 คน |
12 ตุลาคม 2535 | ประเทศอียิปต์ ขนาด 6.6 ริคเตอร์ คนตาย 541 คน บาดเจ็บ 6,500 คน |
12 ธันวาคม 2535 | ประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 6.5 ริคเตอร์ คนตาย 2,500 คน บาดเจ็บ 500 คน |
12 กรกฎาคม 2536 | ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 6.6 ริคเตอร์ คนตาย 365 คน |
29 กันยายน 2536 | ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 6.6 ริคเตอร์ คนตาย 9,758 คน บาดเจ็บ 30,000 คน |
6 มิถุนายน 2537 | ประเทศโคลัมเบีย ขนาด 6.4 ริคเตอร์ คนตาย 295 คน |
17 มกราคม 2538 | ตอนใต้ของเกาะฮอนชู เมืองโกเบ เกียวโต โอซากา ประเทศ ญี่ปุ่น ขนาด 7.2 ริคเตอร์ คนตาย 5,000 คน บาดเจ็บ 26,000 คน |
17 สิงหาคม 2542 | ประเทศตุรกี ขนาด 7.8 ริคเตอร์ คนตาย 17,118 คน บาดเจ็บ 50,000 คน |
21 กันยายน 2542 | เกาะไต้หวัน ขนาด 7.6 ริคเตอร์ คนตาย 2,400 คน บาดเจ็บ 8,000 คน |
แผ่นดินไหวรู้สึกได้ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2442-2542 |
เพิ่มเติมข้อมูลแผ่นดินไหวรู้สึกได้ในประเทศไทย(update ถึง 16 ม.ค. 2545)
13 ก.ย.43 บริเวณ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ขนาด 3.0 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน |
4 ม.ค.44 จ. เชียงตุง ประเทศพม่า ขนาด 5.0 ริคเตอร์ ขนาด 5.0 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย |
22 ก.พ.44 บริเวณ เขื่อนเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีขนาด 4.3 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี |
2 ก.ค.44 บริเวณพรมแดน ไทย-พม่า ใกล้ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ขนาด 4.6 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ |
11 พ.ย.44 บริเวณ อ.พาน จ.เชียงรายขนาด 3.7 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.พาน จ.เชียงราย |
เพิ่มเติมข้อมูลแผ่นดินไหวโลกที่สำคัญ(update ถึง ธันวาคม 2544)
วัน เดือน ปี | บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว |
12 พฤศจิกายน 2542 | ประเทศตุรกี ขนาด 6.3 ริคเตอร์ คนตาย 834 คน บาดเจ็บ 5,000 คน |
4 มิถุนายน 2543 | ประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 6.8 ริคเตอร์ คนตาย 103 คน บาดเจ็บ 2,174 คน |
6 ตุลาคม 2543 | ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 5.9 ริคเตอร์ บาดเจ็บ 130 คน บ้านเรือน เสียหาย 2,334 หลัง |
26 พฤศจิกายน 2543 | บริเวณ คอเคซัส ประเทศรัสเซีย ขนาด 5.8 ริคเตอร์ ตาย 32 คน บาดเจ็บ 430 คน |
14 มกราคม 2544 | ประเทศเอลซัลวาดอร์ ขนาด 6.4 ริคเตอร์ ตาย 844 บาดเจ็บ 4,723 คน |
26 มกราคม 2544 | ประเทศอินเดีย ขนาด 6.4 ริคเตอร์ ตาย 20,085 คน บาดเจ็บ 166,836 คน สิ่งก่อสร้างพัง 339,000 หลัง |
13 กุมภาพันธ์ 2544 | ประเทศเอลซัลวาดอร์ ขนาด 5.5 ริคเตอร์ ตาย 315 คน บาดเจ็บ 3,399 คน |
24 มิถุนายน 2544 | ประเทศเปรู ขนาด 6.7 ริคเตอร์ ตาย 75 คน เสียชีวิตจากคลื่นซูนามิ 26 คน บาดเจ็บ 2,687 คน บ้านเรือนเสียหาย กว่า 50,000 หลัง |
14 พฤศจิกายน 2544 | ประเทศจีน ขนาด 7.8 ริคเตอร์ บ้านเรือนเสียหายบางส่วน |
|
แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด
แผ่นดินไหวในเฮติ เป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรง 7.0 ตามมาตราริกเตอร์ โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศไปราว 25 กิโลเมตร (หรือ 16 ไมล์) โดยแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16:53:09 ตามเวลาท้องถิ่น [1] ของวันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553 หรือตรงกับเวลา 04.53 นาฬิกา ในเช้าวันพุธที่ 13 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย[2] แผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ความลึก 13 กิโลเมตร (8.1 ไมล์)[3] องค์กรสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา (The United States Geological Survey) ได้ตรวจสอบบันทึกและพบอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก 14 ครั้ง ซึ่งมีความแรงอยู่ที่ประมาณ 5 - 8 ริกเตอร์ หน่วยงานกาชาดสากลได้กล่าวว่ามีคนกว่า 3 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ และมีคนเสียชีวิตกว่า 500,000 คน ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ถล่มเป็นซากปรักหักพังนับไม่ถ้วน ซึ่งรวมถึงทำเนียบประธานาธิบดีที่พังถล่มลงมาด้วย
ความเสียหาย
แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เช่น อาคารบ้านเรือนพังพินาศจำนวนมาก[4] รวมทั้งทำเนียบประธานาธิบดี, อาคารรัฐสภา, กระทรวงการคลัง, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงวัฒนธรรม, สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ, อาคารสถานทูต, โรงเรียน, โรงแรมและโรงพยาบาล ที่พังถล่มลงมาทับผู้คน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เสียหายอย่างหนัก โดยนายปัน กีมุน เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า "แผ่นดินไหวที่เฮติถือเป็นหายนะครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่องค์กรนานาชาติเคยประสบมา"[5]
[แก้] จำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
200,000 คน
โห!! สาระล้วนๆอ่ะ ดีนะที่ไม่มีประเทศไทย
ตอบลบสาระดีนะ..ขาดแค่ปัจจัยนะ ช่วยๆๆกันบริจาคกดี
ตอบลบเออ สาระ ล้วน ขี้เกียจอ่านว่ะพี่ ยาวโคตร แต่ สาระ ดี
ตอบลบ555 เรียกว่าสาระยาว มากกกก555
ตอบลบ