Mackintosh สถาปนิกผู้ไม่เคยหลับไหล |
Charles Rennie Mackintosh (1868-1928) ผู้ได้ชื่อว่าเป็นสถาปนิกชาวสก๊อตแลนด์ที่มีหัวก้าวหน้าและทันสมัยที่สุดแห่งยุค ผลงานอันเป็นที่รักยิ่งของ Mackintosh แฝงไปด้วยกลิ่นอายความโรแมนติก ทั้งการออกแบบอาคาร เฟอร์นิเจอร์ และงานตกแต่งภายใน ถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่องานของสถาปนิกในยุคช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 |
Mackintosh เป็นหนึ่งในสถาปนิกของโลกเพียงไม่กี่คน ที่มีผลงานเป็นที่น่าจดจำและกล่าวขานถึงอย่างไม่เสื่อมคลาย ผลงานการออกแบบเก้าอี้ของเขาถือเป็นการรังสรรค์ผลงานที่มีสไตล์โดดเด่นและยังคงความเป็นอมตะมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งยังไม่นับรวมถึงผลงานการออกแบบอื่นๆ เช่น อาคารบ้านเรือน โบสถ์ โรงเรียนศิลปะ งานหล่อเหล็ก ลวดลายบนพื้นผ้า เป็นต้น แม้กระทั่งในช่วงท้ายของชีวิต Mackintosh ยังกลายเป็นจิตรกรเอกด้านสีน้ำ ผู้สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดสีน้ำที่มีชื่อเสียงอย่างมากอีกด้วย |
ผลงานออกแบบที่ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษานับร้อยชิ้น สะท้อนให้เห็นถึงพรสวรรค์และความสามารถของMackintosh ได้เป็นอย่างดี สไตล์ของเขามีลักษณะเฉพาะตัวอย่างชัดเจน เน้นที่การอวดลวดลายของรูปทรงเรขาคณิต ผสานเข้ากับองค์ประกอบของวิถีชีวิตของชาวสก๊อตแลนด์ ศิลปะหัตถกรรมของชาวอังกฤษ และรูปทรงของศิลปะแบบ Art Nouveau สมัยใหม่ |
เมื่อสิ้นสุดยุคของ Art Deco ผู้คนต่างแสวงหางานรูปแบบใหม่ๆ สถาปนิกและนักออกแบบจำนวนมากได้พยายามนำเสนองานออกแบบ “ใหม่” ที่แตกต่างจากงานที่เคยมีมา ยุคนั้นถือเป็นช่วงที่เป็นรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงจากงานแบบดั้งเดิมมาสู่ยุคปัจจุบัน รูปแบบที่โดดเด่นในยุคนั้นมักจะนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น ต้นไม้และดอกไม้มาใช้ในงานออกแบบรวมทั้ง อิทธิพลของประเทศในแถบตะวันออก เช่น ญี่ปุ่นก็ได้ สร้างสีสันให้กับยุคนี้ด้วยเช่นกัน |
งานออกแบบงานออกแบบของ Mackintosh จัดว่าอยู่ในยุคหลังของ Art Nouveau โดย Mackintosh ได้ผสานความอ่อนช้อยของศิลปะแบบ Nouveau เข้ากับเส้นสายที่เรียบง่าย ทำให้เกิดเป็นความงามที่คลาสิค และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา |
งานของ Mackintosh แบ่งออกได้เป็น 3 งานหลักๆ คือ อาคารทั่วไป บ้านส่วนตัว และ Tea room (ร้านน้ำชาที่มีบริการอาหารด้วย คล้ายกับ Cafe สมัยนี้) โดยเฉพาะงานห้องทานน้ำชาที่มีการออกแบบและตกแต่งภายในอย่างหรูหรานั้น ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ Mackintosh เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นงานที่รวมเอา Art, Architect และ Design มาสอดผสานกันได้อย่างลงตัวกลมกลืมและสมบูรณ์ที่สุด ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถือเป็นยุคทองของ Mackintosh เพราะเขาได้เติบโตไปพร้อมกับเมือง Glasgow ที่กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในยุโรป ด้วยการผลิตเรือและถ่านหินส่งออกไปทั่วโลก |
กระจกลวดลายรูปทรงเรขาคณิต Willow Tearooms, Glasgow |
ลักษณะการจัดไฟ Willow Tearooms, Glasgow |
Mackintosh เกิดในปี 1868 เป็นบุตรของ Margaret และ William Mackintosh เติบโตในชนบทของเมือง Glasgow เข้าเรียนในโรงเรียนฝึกวิชาชีพ (Allan Glen’s Institution) และโรงเรียนสอนศิลปะ Glasgow School of Art ต่อมาในปี 1884 ช่วงที่ยังเป็นนักศึกษาได้มีโอกาสฝึกงานกับสถาปนิก John Hutchins และในปี 1889 ได้ร่วมงานกับบริษัทสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอย่าง Honeyman & Keppie ทศวรรษที่ 1890 ถือเป็นช่วงแห่งการเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของ Mackintosh เขาได้มีโอกาสไปอิตาลี เข้าร่วมประชุมและบรรยายงานทางด้านสถาปัตยกรรมหลายครั้ง ได้พบมิตรสหายในวงการเดียวกันมากมาย ต่อมา Mackintosh พร้อมกับเพื่อนๆ Herbert McNair (เพื่อนสนิทสมัยอยู่กับ Honeyman & Keppie) Margaret Macdonald และ Frances น้องสาวของ Margaret (เพื่อนสมัยเรียนที่ Glasgow School of Art) จึงได้รวมกลุ่มทำงานทางด้านศิลปะ และเปิดแสดงผลงานของพวกเขาในเมือง Glasgow, London และ Vienna ผลงานได้รับการยอมรับและโจษขานไปทั่วยุโรป จนได้รับฉายาของกลุ่มว่า The Four ในปี 1900 Mackintosh ตัดสินใจแต่งงานกับ Margaret Macdonald เพื่อนในกลุ่ม Glasgow Four โดยตลอดชั่วชีวิตของเขา Margaret ก็ยังคงเป็นเสมือนเพื่อนผู้ร่วมงาน พร้อมที่จะสนับสนุนงานของเขาตลอดมา |
Margaret Macdonald |
ในปี 1896 ถือเป็นโอกาสทองในอาชีพสถาปนิกของ Macintosh เมื่อ Francis Newbery เพื่อนของเขาได้เชิญสถาปนิก 12 บริษัท เข้าร่วมแข่งขันออกแบบอาคารหลังใหม่ของ Glasgow School of Art ซึ่งหนึ่งในบริษัทเหล่านั้นคือ Honeyman & Keppie บริษัทที่ Macintosh ทำงานอยู่ในขณะนั้น และแน่นอนที่สุด Honeyman & Keppie ชนะการแข่งขันโดยมี Mackintosh เป็นดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบ ส่งผลให้ชื่อเสียงทางด้านการออกแบบของ Mackintosh เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง |
Glasgow School of Art |
ห้องสมุด Glasgow School of Art |
ในช่วงต่อมา Mackintosh เริ่มขยายงาน Scheme งานออกแบบของเขา โดยออกแบบตั้งแต่ห้องดนตรีให้ Fritz Warndorfer ในกรุงเวียนนา บ้านของนักข่าวชื่อดัง Walter Blackie ไปจนถึงงานตกแต่งภายใน อย่างเช่นในปี 1904 เขาได้ตกแต่งภายในให้กับ Hill House บ้านบนเนินเขาในเมือง Helenburgh ของ Kate Cranston (ผู้ริเริ่มก่อตั้งกลุ่มสังคมของผู้ที่ชื่นชอบทานน้ำชา) |
ภาพโปสเตอร์ตกแต่งห้องทานน้ำชาของ Miss Cranstons |
เก้าอี้ในห้องดนตรี |
เมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ งานทางด้านการออกแบบก็ลดน้อยลงไปด้วย Mackintosh เริ่มรู้สึกท้อแท้ใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปี 1913 เขาจึงได้ตัดสินใจลาออกจาก Honeyman & Keppie และเดินทางไปพักผ่อนกับภรรยาที่ Suffolk เมืองทางด้านตะวันออกของอังกฤษ ที่แห่งนี้เอง Mackintosh ได้กลับมามีชีวิตชีวาและเริ่มต้นงานใหม่ของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่งานออกแบบแต่กลับกลายเป็นงานภาพวาดสีน้ำ ฝีมือของ Mackintosh เข้าขั้นจิตรกรเอกเลยทีเดียว เขาได้วาดภาพทิวทัศน์และภาพดอกไม้ของเมือง Suffolk ที่เป็นที่เลื่องชื่อมากมายหลายภาพ |
ในปี 1925 Mackintosh และภรรยาได้ย้ายไปอาศัยที่ Port Vendres ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เนื่องจากค่าครองชีพค่อนข้างต่ำ และในช่วงเวลาที่สงบสุขเช่นนี้เอง Mackintosh ได้สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดสีน้ำที่มีชื่อเสียง แสดงถึงสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนและทิวทัศน์โดยรอบ Port Vendres |
ในช่วงท้ายของชีวิต แม้ว่า Mackintosh จะหันหลังให้กับอาชีพงานออกแบบที่เขารัก เพราะรู้สึกท้อแท้และผิดหวัง แต่ถึงอย่างไรผลงานที่ Mackintosh ได้สร้างสรรค์ไว้ ได้กลายเป็นผลงานอมตะที่กล่าวขานกันไม่รู้ลืม นี่เองที่ทำให้ Charles Rennie Mackintosh เป็นหนึ่งในสถาปนิกและนักออกแบบที่สำคัญมากที่สุดคนหนึ่งของศตวรรษที่ 20 ผลงานการออกแบบของ Mackintosh ยังได้เป็นแรงบันดาลใจให้สถาปนิกกลุ่มต่างๆ จนทำให้เกิดกระแสของความเปลี่ยนแปลงในยุคต่อมา ซึ่งปรากฎในวงการออกแบบในอเมริกาที่เรียกว่า The Modern Movement นั่นเอง |
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
Mackintosh สถาปนิกผู้ไม่เคยหลับไหล
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น