ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน (Ralph Waldo Emerson) มีชีวิตอยู่ในช่วง 1803-1882 เขาเป็นทั้งนักเขียน นักปรัชญา และนักกวีซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เขาได้กล่าวถึงสถาปัตยกรรมของกรีก ว่า “มันเต็มไปด้วยรูปทรงทางเรขาคณิต” แปลได้ว่า เอเมอร์สัน กำลังพูดถึง ความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมกรีกและความเชี่ยวชาญในเรื่องรูปร่างและรูปทรงของผู้ออกแบบ
แอนน์ หลุยส์ แชร์แมง เดอ สเตล (Anne Louise Germaine de Stael) มีชีวิตอยู่
ในช่วง 1766-1817 เธอเป็นนักประพันธ์ชาวสวิสที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก อาศัยอยู่ในปารีสและท่องเที่ยวไปตามประเทศต่าง ๆ เธอกล่าวว่า “สถาปัตยกรรมนั้นเปรียบเสมือนบทเพลงที่เยือกเย็นและแข็งกระด้าง” นั่นคือ เธอต้องการจะสื่อว่าสถาปนิกนั้นสร้างสรรค์สิ่งที่กลมกลืนกันกับเสียงเพลง
ฟิลลิป ชาฟ (Philip Schaff) เป็นชาวสวิส ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแตน มีชีวิตอยู่ในช่วง 1819-1893 เขากล่าวว่า “สถาปัตยกรรมคืองานแฮนเมดเพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาหรือทำการอุทิศตน โบสถ์สวย ๆ ก็เปรียบเสมือน คำสอนของพระเจ้าที่แกะสลักลงบนก้อนหิน” จากคำสาธยายทั้งหมดของ เขา พวกเราจะเห็นว่า สถาปัตยกรรมก็เหมือนกับคำสอน ซึ่งเสมือนเป็นข้อความบอกเล่าหรือเรื่องราวต่าง ๆ ให้ได้รู้
นักวิจารณ์ศิลปะและสังคม ชาวอังกฤษ มีชีวิตอยู่ในช่วง 1819-1900 ได้กล่าวว่า “เพียงแค่ได้มองงานสถาปัตยกรรม มันสามารถส่งเสริมเขาในเรื่องของสุขภาพจิต พลังและความปิติยินดี” นั่นแปลได้ว่าสถาปัตยกรรมก็คือแรงบันดาลใจหรือสิ่งดลใจสำหรับมนุษย์
คำพูดที่ทั้งสี่คนได้บอกพวกเรานั้น แสดงให้เห็นว่า สถาปนิกคือ ผู้ที่สร้างสรรค์รูปร่าง เรื่องราว เสียงเพลง และแรงบันดาลใจนั่นเอง
ต่อไปเราลองมาดูตัวอย่างสัก 2-3 ตัวอย่างในแต่ละอันนะ
เมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่เป็นรูปทรงหรือรูปร่าง อาจจะนึกถึง Frank Gehry ซึ่งเป็นสถาปนิกผู้ที่มีเชื่อเสียงในด้านการผลักดันขีดจำกัด ของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไปจนถึงวิศวกรรมที่ทันสมัยและการออกแบบรูปร่างไปพร้อม ๆ กับการสร้างอนุสาวรีย์ ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ของเขาใน Bilboa,Stata Center หรือ
เมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่บอกเรื่องราวต่าง ๆ นั้น เราอาจจะจะนึกถึง Frank Lloyd wrights Guggenheim museum ซึ่งเมื่อมองจากภายนอก ก็สามารถทำให้เรารู้ถึงการจัดวางภาพแกลลอรี่ที่ขดอยู่ภายในนั้น
หรือ Pompidou center ที่อยู่ในปารีสนั้น สามารถบอกเราในเรื่องของรหัสสีจากภายนอก ซึ่งเกี่ยวกับเครื่องจักรที่กำลังทำงานอยู่ข้างใน นั่นคือทำให้เครื่องจักรนี้ทำหน้าที่เป็นสิ่งก่อสร้างอยู่ภายในนั่นเอง
เมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่เป็นความงามของเสียงดนตรี อาจจะนึกถึง งานก่อสร้างของ Eero Saarinen เขาเป็นผู้ที่ทำงานในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับความทะเยอทะยานตามธรรมชาติ เหมือนกับที่พวกเขาพยายามเต็มที่ ที่จะไปให้ถึงตัวโน๊ตเสียงสูง ๆ หรืออาจจะนึกถึง falling water ของ Frank Lloyd Wrights ที่ผสมผสานเข้ากับธรรมชาติและเกือบจะขับร้องไปกับน้ำตกที่ถูกมันสร้างทับอยู่ข้างบน
และเมื่อจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่เป็นสิ่งดลใจ อาจจะนึกถึงโบสถ์ที่สำคัญ ๆ ในยุโรป หรือไม่ก็ตึกสูง ๆ ในบ้านเมืองของเราก็ได้
และในขณะที่บางคนอาจจะคิดว่าสถาปนิกนั้นจะทำงาน เกี่ยวกับการสร้างสรรค์สิ่งก่อสร้าง แต่ตอนนี้คุณรู้เพิ่มขึ้นแล้วว่า การสร้างสรรค์ของสถาปนิกนั้นคือ การสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมที่เป็นมากกว่ากล่องที่มีหน้าต่าง เพราะมันเกี่ยวกับการสร้างสรรค์รูปร่าง สร้างสรรค์เรื่องราว สร้างสรรค์เสียงดนตรีท่วงทำนอง และการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ
ดังนั้น จงเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ เพื่อ จะเป็นผู้ที่ออกแบบสถาปัตยกรรมดีดีให้เกิดขึ้นในอนาคต นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น